เมื่อปี 2004 ในที่ประชุมครั้งสำคัญของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เสนอแนวคิดการสร้างสังคมนิคมสมานฉันท์ ในช่วง 3 ปีมานี้ การสร้างสังคมสมานฉันท์ได้กลายเป็นหน้าที่สำคัญของหน่วยงานรัฐบาลระดับต่างๆของจีน และได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การสร้างสังคมสมานฉันท์ไม่เพียงแต่เป็นความปรารถนาร่วมกันของประชาชนเท่านั้น หากยังเป็นหลักประกันสำคัญของการบรรลุซึ่งเป้าหมายการพัฒนาระยะยาวของจีนอีกด้วย ในที่ประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 17 ที่กำลังจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งในขณะนี้ แนวคิดดังกล่าวเป็นประเด็นหนึ่งที่บรรดาผู้แทนสนใจกันมากที่สุด
นายเจ้า อยู้จงผู้แทนที่มาจากเมืองเฉาหู มณฑลอานฮุย เป็นทนายความของศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายในท้องถิ่น เขาบอกว่า
"ศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายของเราจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1996 เวลานั้นได้งบประมาณน้อยมาก แต่ปัจจุบันได้งบประมาณมาก เพราะว่ารัฐบาลให้ความสนใจมากขึ้นต่อปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนแล้ว ปัญหาของประชาชนส่วนใหญ่เป็นปัญหาเที่ยงธรรมและยุติธรรม เมื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ได้แล้ว สังคมเราก็จะมีความสมานฉันท์มากขึ้น"
ตั้งแต่จีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นต้นมา เศรษฐกิจและสังคมจีนพัฒนไปอย่างรวดเร็ว กระบวนการเติบโตแบบอุตสาหกรรมและแบบเมืองเร็วขึ้น แต่ปัญหาต่างๆก็โดดเด่นขึ้นทุกวัน ภายใต้สภาพเช่นนี้ จีนได้เสนอแนวคิดสร้างสังคมสมานฉันท์ ก็เพื่อพิจารณาข้อขัดแย้งและแก้ปัญหาต่างๆอย่างถูกต้อง ใช้มาตรการต่างๆเพื่อสร้างสังคมจีนให้เป็นสังคมที่บริหารตามกฎหมาย มีประชาธิปไตย เที่ยงธรรม ยุติธรรม มีชีวิตชีวา มีความสงบเรียบร้อย และมนุษย์กับธรรมชาติอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์
นายสู กว่างกั๋ว เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองหมู่ ตานเจียง มณฑลเฮย หลงเจียงชี้แจงว่า ความไม่สมานฉันท์ที่สุดของเมืองหมู่ ตานเจียงคือ การพัฒนาระหว่างเมืองกับชนบท ระหว่างอำเภอกับอำเภอไม่สมดุลกัน เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว เมืองหมู่ ตานเจียงได้ใช้มาตรการหลายประการ อย่างเช่น เมืองสุย เฟินเหอ ที่สังกัดเมืองหมู่ ตานเจียงติดกับอำเภอมู่ หลิง เมืองสุย เฟินเหอเป็นด่านการค้าที่เปิดสู่รัสเซีย เศรษฐกิจพัฒนา จัดอยู่อันดับแรกของมณฑลเฮยหลงเจียง ส่วนอำเภอมู่ หลิงเศรษฐกิจด้วยพัฒนา เพื่อช่วยเหลืออำเภอมู่ หลิง เมืองหมู่ ตานเจียงวางแผนช่วยเหลืออำเภอมู่หลิงโดยอาศัยด่านการค้าของ เมืองสุย เฟินเหอ พัฒนาอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้านำเข้าและส่งออกในอำเภอมู่ หลิง ได้รับผลที่ดี
สถิติปรากฎว่า เมื่อปี 2002 GDP เฉลี่ยต่อคนของอำเภอมู่ หลิงมีเพียงประมาณ 7 ,000 หยวน ปีที่แล้วได้เพิ่มขึ้นถึง 13,500 หยวน เพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัว
การหางานทำถือเป็นพื้นฐานของชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ท้องถิ่นต่างๆของจีนต่างได้ใช้มาตรการหลายประการเพื่อแก้ปัญหาการหางานทำ เขคภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนเคยเป็นฐานการผลิตของรัฐวิสาหกิจ ในกระบวนการเปลี่ยนระบบเศรษฐกิจเป็นเศรษฐกิจการตลาดนั้น มีรัฐวิสาหกิจจำนวนไม่น้อยล้มละลาย การหางานทำจึงกลายเป็นปัญหาสำคัญของเขตนี้ ปัจจุบัน ปัญหานี้ได้รับการแก้ไขอย่างเห็นได้ชัด นายจาง เจี๋ยฮุย เลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเมืองอานซาน มณฑลเหลียวหนิง ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนกล่าวว่า
"หลายปีมานี้ เมืองอานซานทุ่มเทกำลังในการแก้ปัญหาการจัดหางานทำ ปัจจุบันได้แก้ปัญหาครอบครัวที่ไม่มีสมาชิกมีงานทำ 13,635 ครอบครัว เมื่อก่อนปัญหาการจัดหางานทำเป็นปัญหาสำคัญที่สุดในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม แต่ปัจจุบันเป็นปัญหารองลงไปแล้ว"
|