"เรามองว่าท่าเรือเป็นประตูการค้าสำคัญ มีความจำเป็นที่จะพัฒนาท่าเรือทั้งสองประเทศให้สะดวกยิ่งขึ้น ก็เลยมีโครงการที่จะส่งเสริมการพัฒนาในเรื่องของเทคโนโลยีต่างๆ และการขยายท่าเรือต่อในอนาคต ในระดับรัฐบาล เข้าใจว่าจะต้องมีการ..วันนี้ในที่ประชุมก็จะมีการลงนามในความร่วมมือร่วมกันระหว่างจีนและ10ชาติอาเซียน หลังจากนั้น ก็จะมีกิจกรรมต่างๆออกมาเป็นรูปธรรม และในระหว่างท่าเรือต่อท่าเรือ เราก็มีการที่จะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้และพนักงานร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่าเรือจีนเป็นท่าเรือที่ทันสมัยมาก ประเทศไทยก็ยังต้องการประสบการณ์เหล่านั้นในการพัฒนาจากประเทศจีน"

ปัจจุบัน ความร่วมมือของท่าเรือระหว่างจีนกับประเทศในอาเซียนยังเผชิญกับปัญหาหลายประการ เช่น การสร้างท่าเรือของประเทศต่างๆ การรวบรวมเงินทุน ภาษีศุลกากรของประเทศต่างๆ การผ่านเข้าออกเมืองอย่างสะดวก และนโยบายการค้าเป็นต้น ล้วนต้องการให้นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญของประเทศต่างรวบรวมสติปัญญา พยายามแสวงหาและสร้างกลไกเกี่ยวกับการติดต่อ การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือ พยายามแก้ไขปัญหาและความยากลําบากที่มีอยู่ ให้บรรลุความร่วมมือของท่าเรือในภูมิภาค นางลาวัลย์ อังคีรส กล่าวถึงอนาคตความร่วมมือของท่าเรือระหว่างจีนกับไทยและระหว่างไทยกับประเทศต่างๆในอาเซียนว่า

"สำหรับความร่วมมือในอนาคต จากการที่รัฐมนตรีคมนาคมของทุกชาติมาประชุมร่วมกันในครั้งนี้ถือว่าเป็นโอกาสที่ดียิ่งที่จะขยายความร่วมมือต่อไป แล้วก็จะมีิกิจกรรมต่างๆเกิดขึ้นหลังจากการลงนามในวันนี้นะคะ ในขณะนี้ เท่าที่ผ่านมาก็จะมีเรื่องของการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี เรื่องของการเจรจา อนาคตของการร่วมลงทุนกันนะคะ ซึ่งอาจจะรวมถึงการพัฒนาท่าเรือด้วยนะคะ เราคิดว่า มันเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีซึ่งจะไม่มีวันหยุดนิ่งค่ะ"

ระหว่างความร่วมมือจีนกับอาเซียน ความร่วมมือของท่าเรือเป็นกําลังกระตุ้นความร่วมมือเศรษฐกิจส่วนภูมิภาค การขนส่งทางเรือระหว่างท่าเรือของเขตอ่าวเป่ยปู้มีระยะทางสั้น มีพื้นฐานความร่วมมือที่ดี การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างท่าเรือของประเทศต่างๆในอ่าวเป่ยปู้สามารถสร้างเงื่อนไขที่ดีแก่การค้าและการลงทุนระหว่างสองฝ่าย ถ้าภูิมิภาคนี้มีเงื่อนไขเกี่ยวกับท่าเรือและการขนส่งทางเรือที่สะดวกยิ่งขึ้น ยอดปริมาณการค้าและการลงทุนของทุกๆฝ่ายย่อมจะเพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน