|
| (GMT+08:00)
2007-12-24 17:17:09
|
 |
|
การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของไทยยังมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
cri
 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ไทยได้จัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ของไทย คืนวันเดียวกัน คณะกรรมการเลือกตั้งหรือก.ก.ต.ประกาศผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากไม่มีพรรคการเมืองพรรคใดได้ที่นั่งมากกว่าครึ่งหนึ่งในสภาผู้แทนราษฎร พรรคการเมืองต่าง ๆ ของไทย จึงได้เริ่มจับขั้วในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ขณะนี้ องค์ประกอบของรัฐบาลชุดใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่จนกระทั่งสถานการณ์การเมืองของไทยยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก
เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ก.ก.ต.ประกาศว่า จนถึงเวลา 22.00 น.การนับคะแนนเสียงของการเลือกตั้งครั้งนี้เสร็จสิ้นไป 93% ผลการนับคะแนนเสียงแสดงว่า ในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมีที่นั่งทั้งหมด 480 ที่นั่งนั้น พรรคพลังประชาชนได้ 228 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์ได้ 166 ที่นั่ง พรรคชาติไทยได้ 39 ที่นั่ง พรรคเพื่อแผ่นดินไทยได้ 26 ที่นั่ง พรรครวมใจไทยชาติพัฒนาได้ 10 ที่นั่ง พรรคมัชฌิมาธิปไตยได้ 7 ที่นั่งและพรรคประชาราชได้ 4 ที่นั่ง เนื่องจากการนับคะแนนเสียงยังไม่ได้สิ้นสุดลง ตัวเลขดังกล่าวจึงอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ ก.ก.ต.ยังกล่าวว่า จะสืบสวนคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งครั้งนี้จำนวนหลายร้อยคดีโดยเร็วซึ่งผลการสืบสวนดังกล่าวอาจจะกระทบต่อสถานการณ์ทางการเมืองของไทยอย่างมาก
การเลือกตั้งครั้งนี้ดำเนินอย่างราบรื่น ไม่ได้เกิดความวุ่นวายใหญ่ ประชาชนต่างรู้สึกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของประชาชนชาวไทยค่อนข้างดี วันเดียวกัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ นายกรัฐมนตรี นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติและบุคคลสำคัญในวงการการเมือง ตลอดจนนักวิชาการของไทยต่างเรียกร้องฝ่ายต่าง ๆ ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผู้บัญชาการทหารอากาศ รักษาการประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติกล่าวว่า ฝ่ายทหารยอมรับผลการเลือกตั้งของมวลชน จะไม่ก่อรัฐประหารอีก ทั้งจะไ่ม่ขัดขวางการเิดินทางกลับบ้านของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อตีดนายกรัฐมนตรีด้วย นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรปต่างก็แสดงความเห็นว่า การเลือกตั้งของไทยครั้งนี้โปร่งใสและมีความเที่ยงธรรม สะท้อนให้เห็นถึงการสนับสนุนของประชาชนชาวไทยที่มีต่อรัฐบาลที่เกิดจากการเลือกตั้ง
แต่เนื่องจากไ่ม่มีพรรคใดได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าครึ่งหนึ่ง จึงทำให้เกิดปัญหาในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ การแข่งกันจัดตั้้งคณะรัฐมนตรีได้เริ่มต้นขึ้นทันทีภายหลังการลงคะแนนเสียงสิ้นสุดลง เมื่อวันที่ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ที่กรุงเทพฯ นายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า เนื่องจากพรรคพลังประชาชนเป็นพรรคใหญ่อันดับหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรจึงมีสิทธิ์จัดตั้งคณะรัฐมนตรีก่อนพรรคอื่น ด้วยเหตุนี้ พรรคพลังประชาชนจะเชิญชวนพรรคการเมืองอื่นร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลผสม เขายังกล่าวว่า หากประสบความสำเร็จในการจัดตั้งคณะรัฐมนตรี ตัวเขาเองจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรัฐบาลชุดใหม่ แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ซึ่งเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับที่สองกล่าวย้ำว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมมือกับพรรคพลังประชาชน
ความไม่ร่วมมือกันระหว่างพรรคใหญ่สองพรรคของไทยนั้นทำให้พรรคการเมืองขนาดกลางและขนาดเล็ก"มีราคาขึ้นมา"ทันที ผู้รับผิดชอบของพรรคเหล่านี้จึงใช้ความพยายามเพื่อผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพรรคอย่างเต็มที่
คืนวันเดียวกัน นายบรรหาร ศิลปอาชาหัวหน้าพรรคชาติไทย อดีตนายกรัฐมนตรีไทยประกาศว่า พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินไทยภายหลังการเจรจากันแล้วตกลงกันว่าจะเป็นพันธมิตรกัน แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะร่วมกับพรรคการเมืองใหญ่พรรคไหนจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เนื่องจากต้องรอคอยให้ก.ก.ต.เสร็จสิ้นการสืบสวนคดีฟ้องร้องเกี่ยวกับการเลือกตั้งให้เรียบร้อยก่อน ส่วนการเจรจาเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีระหว่างพรรคการเมืองต่าง ๆ ยังคงดำเนินการอย่างรีบด่วนอยู่
เนื่องจากการจับขั้วจัดตั้งคณะรัฐมนตรีนั้นยังตกลงกันไม่ได้ จึงกล่าวได้ว่า ไม่ว่านายสมัคร สุนทรเวช นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหรือนายบรรหาร ศิลปอาชาต่างก็มีความเป็นไปได้ที่จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี นักวิเคราะห์เห็นว่า ไม่ว่าพรรคพลังประชาชนหรือพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคใหญ่อันดับหนึ่งในรัฐบาลชุดใหม่ก็ตาม รัฐบาลผสมก็ต้องเผชิญกับปัญหาการขาดความมั่นคง และการท้าทายอันหนักหน่วงต่าง ๆ เช่นสังคมแตกแยก เศรษฐกิจพัฒนาอย่างเชื่องช้า ปัญหาการใช้กำลังรุนแรงในภาคใต้ ตลอดจนปัญหายาเสพติดเป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งครั้งนี้ได้ปูทางให้กับการฟื้นฟูระบอบประชาธิปไตยของไทยและสร้างโอกาสให้กับการสิ้นสุดความวุ่นวายทางการเมืองของไทยตลอดระยะเวลาสองปีที่ผ่านมา
Min/Dan
|
|
|
