ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายนที่ผ่านมา นายยงยุทธ ติยะไพรัชประกาศที่กรุงเทพฯว่า สาเหตุที่ลาออกจากตำแหน่งประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของสถาบัน แต่จะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อไป

บ่ายวันเดียวกัน นายยงยุทธ ติยะไพรัชกล่าวในที่ประชุมแถลงข่าวที่รัฐสภาว่า เขาไม่ต้องการเป็นประมุขฝ่ายนิติบัญญัติขณะที่ต้องคดีเกี่ยวกับการผิดกฎหมายเลือกตั้งซึ่งศาลฏีกาจะมีการพิจารณาตัดสินในวันที่ 2 พฤษภาคม เขากล่าวว่า การลาออกครั้งนี้ไม่มีนัยทางการเมืองและเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่มีผลต่อรูปคดี และจะไม่ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญ

นายยงยุทธ ติยะไพรัชที่มาจากพรรคพลังประชาชนต้องคดีให้อามิสสินจ้างในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อปีที่แล้ว คณะกรรมการเลือกตั้งได้สืบสวนและตัดสินว่ามีความผิดจริง ศาลฏีกาของไทยจึงประกาศเมื่อวันที่ 20 มีนาคมที่ผ่านมาว่า รับพิจารณาคดีนี้ และจนถึงปัจจุบันยังไม่มีการตัดสิน

นายยงยุทธ ติยะไพรัชย้ำว่าถูกกลั่นแกล้งในการต่อสู้ทางการเมือง และกล่าวว่า สิ่งที่น่าห่วงใยที่สุดคือการแตกแยกของสังคมไทย เขาหวังว่า ประชาชนจะอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข อย่าให้เกิดเหตุการณ์นองเลือดและก่อกบฎรัฐประหารอีก

นายจักรภพ เพ็ญแข รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคพลังประชาชนกล่าวว่า นายยงยุทธลาออกจากตำแหน่งประธานรัฐสภาเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย พรรคพลังประชาชนจะจัดการประชุมโดยเร็ว เพื่อเลือกตั้งประธานสภาคนใหม่

นักวิเคราะห์เห็นว่า การลาออกของนายยงยุทธ ติยะไพรัชจะไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อสถานการณ์การเมืองของไทย แต่เมื่อศาลฎีกาตัดสินว่า นายยงยุทธ ติยะไพรัชมีความผิดฐานทุจริตการเลือกตั้ง เนื่องจากเขาเป็นกรรมการของพรรคพลังประชาชนในระหว่างการเลือกตั้ง ตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2007 ว่า คณะกรรมการเลือกตั้งต้องยื่นคดีนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิพากษาตัดสินว่า จะยุบพรรคพลังประชาชนหรือไม่ และถ้าพรรคนี้ถูกยุบไป กรรมการกว่า 30 คนของพรรคนี้ ซึ่งรวมทั้งนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรค นายกรัฐมนตรีจะถูกห้ามดำเนินการทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี สถานการณ์การเมืองของไทยย่อมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

ปัจจุบัน นอกจากพรรคพลังประชาชน ใน6พรรคร่วมรัฐบาล พรรคชาติไทยกับพรรคมัชฌิมาประชาธิปไตยก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกยุบ ดังนั้น หลายเดือนมานี้ พรรคร่วมรัฐบาลจึงพยายามผลักดันให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะส่วนที่ไม่เป็นผลดีต่อพรรคร่วมรัฐบาล

แต่ฝ่ายค้านคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างเด็ดขาด โดยเห็นว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ หากเพื่อผลประโยชน์ของพรรคการเมืองและช่วยพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีให้รอดพ้นจากการพิพากษาตัดสิน นักวิเคราะห์เห็นว่า เมื่อข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญรุนแรงขึ้น สถานการณ์การเมืองของไทยอาจจะเกิดความไม่มั่นคงอีก