ท่านผู้ฟังครับ สัปดาห์ที่แล้ว เราได้สัมภาษณ์คุณลัดดาวัลย์ บัวเอี่ยมผู้อำนวยการสำันักประชาสัมพันธ์ต่างประเทศกรมประชาสัมพันธ์ไทยซึ่งเดินทางมาเข้าร่วมการประชุมฟอรัมสุดยอดจีน อาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการกระจายเสียงวิทยุเเละโทรทัศน์ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่งระหว่างวันที่ 22-24 เมษายนนี้ โดยมีประเด็นหลักๆคือ "การเเลกเปลี่ยน ความร่วมมือเเละการพัฒนา" ต่อไปขอเชิญท่านฟังบทสัมภาษณ์ตอนที่สองครับ
ผู้สื่อข่าว:ในเดือนสิงหาคมของปี 2008 นี้ กรุงปักกิ่งจะจัดงานกีฬาโอลิมปิก ท่านมีความเห็นอะไรบ้างเกี่ยวกับการส่งต่อคบเพลิงโอลิมปิกของจีน
คุณลัดดาวัลย์ บัวเอี่ยม:เรื่องกีฬากับการเมืองนี้ ความจริง กีฬาเป็นสิ่งที่ส่งเสริมศักยภาพพัฒนาการทางร่างกายและจิตใจของคน ได้เห็นภาพหลายๆภาพของความเพียรพยายามของจีนที่จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งนี้อย่างดีที่สุด ประเทศไทยเองพึ่งจะจัดพิธีรับคบเพลิงโอลิมปิก ก็ผ่านไปด้วยความเรียบร้อยดี แต่เราได้ติดตามข่าวสารในการเตรียมตัวของจีนที่จะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิกครั้งนี้อย่างดีที่สุดมาโดยลําดับแล้ว เอาใจช่วย แล้วคิดว่าจีนจะต้องเป็นเจ้าภาพที่ยิ่งใหญ่ประเทศหนึ่งในเอเชีย คือต้องให้ข่าวอย่างรอบด้าน ถ้าเราเห็นว่าข่าวทางด้านไหนของเรายังน้อยเกินไป เราต้องเพิ่มสิ่งที่ดีให้มากขึ้น อย่างเช่นการเตรียมรับผู้สื่อข่าวต่างประเทศ จีนได้เตรียมการเหล่านี้ไว้อย่างไร เพื่อให้ทุกคนได้รับความสะดวกสบายที่สุด แล้วให้เขามาทํางานอย่างมีความสุขที่สุดระหว่างการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ภาพที่ออกไปจะเป็นภาพที่ประชาชนจะเห็นว่าอะไรเกิดขึ้นที่นี่ค่ะ
ผู้สื่อข่าว:สําหรับทีมชาติไทยตอนนี้เป็นอย่างไร แล้วหวังว่าในงานกีฬาโอลิมปิกครั้งนี้ทีมชาติไทยจะได้สร้างผลงานอะไรบ้าง
คุณลัดดาวัลย์ บัวเอี่ยม:พอดีตัวเองไม่ได้อยู่แวดวงกีฬา แต่ว่าสื่อมวลชนไทยคงจะเป็นกองทัพสื่อมวลชนอีกประเภทหนึ่งที่สนใจมาทําข่าวสาร กรมประชาสัมพันธ์เองในฐานะที่ดูแลสถานีวิทยุโทรทัศน์ MBT ก็มีความพร้อม นอกเหนือจากกองทัพนักกีฬาแล้ว คิดว่าจีนต้องเตรียมการต้อนรับกองทัพผู้สื่อข่าว ซึ่งคงจะมีจํานวนมากมายพอกัน แล้วด้วยโครงสร้างต่างๆที่นําเสนอไว้ในที่ประชุมเอบียูมาโดยลําดับว่าได้ทําอะไร คิดว่างานครั้งนี้คงจะเป็นไปด้วยความราบรื่น เรามีความหวังเหรียญทองเหมือนกัน แต่หวังว่าจีนซึ่งเป็นเจ้าภาพคงไม่เก็บเหรียญทองไว้คนเดียว
ผู้สื่อข่าว:คิดว่าสื่อมวลชนทั้งจีนและไทยสามารถที่จะแสดงบทบาทอะไรบ้างในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยไม่ว่าทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง หรือด้านวัฒนธรรมครับ
คุณลัดดาวัลย์ บัวเอี่ยม:ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ กรมประชาสัมพันธ์ได้จัดการประชุมสัมมนาสื่อมวลชนเอเชียตะวันออกขึ้นที่กรุงเทพฯเมื่อเดือนมีนาคมระหว่างวันที่ 17-21 มีนาคมที่ผ่านมา โดยเชิญท่านเลขาธิการอาเซียน ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณซึ่งท่านเป็นคนไปกล่าวในที่ประชุมสัมมนา ท่านเน้นยํ้าความสําคัญว่า ความร่วมมือในทุกมิติเป็นเรื่องสําคัญ การเมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และข่าวสาร แต่ที่มีความสําคัญมากที่สุดก็คือในสาขาของความร่วมมือทางสังคม และวัฒนธรรม เพราะว่าถ้าสิ่งนี้ไปไม่ถึงประชาชน ประชาชนจะไม่รับทราบว่ามีอะไรกําลังเกิดขึ้น และเข้ามามีบทบาทร่วมในขบวนการเปลี่ยนแปลง ความร่วมมือในด้านอื่นๆทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดขึ้นไม่ได้ และความร่วมมือของสื่อมวลชนเอง เมื่อประชุมเสร็จ 50 ประเทศรวมทั้งจีนด้วยได้ไปเป็นผู้แทนที่นั่น มีจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีบวกกับ 10 ประเทศอาเซียนรวม 50 คน เขาแสดงเจตจํานงที่จะร่วมมือกัน ส่งเสริมให้มีการไหลเวียนของข่าวสาร แล้วเพิ่มศักยภาพเพื่อที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์ แล้วมีความร่วมมือกันในสถาบันองค์การต่างๆที่เกี่ยวกับสื่อ ซึ่งปัจจุบันเรามีความร่วมมืออยู่แล้ว ในกรอบของเอบีอยู่ก็ดี คิดว่าเนื้อหามีอยู่เยอะแล้ว เพียงแต่เราต้องจัดสรรเวลา อันนั้นจะเป็นกรอบของเจตจํานงเรามีเจตนาที่จะร่วมมือกันทํางานอะไรต่อไปอนาคต
|