สวัสดีครับ ท่านผู้ฟัง ขอต้อนรับเข้าสู่รายการจับมืออาเซียนอีกเช่นเคย รายการวันนี้ จะนำเสนอ BIC หรือศูนย์การค้าไทย-จีนให้ท่านผู้ฟังได้รู้จักครับ

เมื่อไม่นานมานี้ นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีต่างประเทศไทยได้เดินทางมาเยือนประเทศจีน และไปเยี่ยมชมสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีน เขาได้กล่าวหลังจากได้ฟังนายรัฐกิจ มานะทัต เอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศจีนรายงานผลการทำงานเกี่ยวกับศูนย์การค้าไทย-จีนแล้วว่า

"BIC business information center เป็นศูนย์ข้อมูลธุรกิจ อันนี้เป็นโครงการของกระทรวงการต่างประเทศที่จะให้เป็นศูนย์ข้อมูลทางธุรกิจ นําร่องแห่งแรกของประเทศไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ซึ่งหลังจากผมได้ดูเว็บไซต์ของศูนย์ข้อมูลธุรกิจในประเทศจีน ต้องยอมรับว่าประทับใจมาก ข้อมูลด้านโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลพื้นฐานของมณฑลต่างๆ ข้อมูลด้านตัวเลข ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสภาพอากาศเรื่องผู้คน รวมทั้งจะมีข้อมูลเกี่ยวกับการจับคู่นักธุรกิจ ศักยภาพของธุรกิจในแต่ละมณฑลด้วย ซึ่งอันนี้จะเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เป็นข้อมูลทางธุรกิจที่นักธุรกิจไทยที่จะมาลงทุนในจีนจะสามารถที่เปิดดูที่เมืองไทยก่อนที่จะเดินทางมาจีนด้วยซํ้าไป และขณะเดียวกันท่านทูตรัฐกิจ ซึ่งเป็นหัวหน้าทีม Thailand ที่นี่ก็ได้มีการรวบรวมข้อมูลอยู่ตลอดเวลา ซึ่งได้ลิ้งค์ข้อมูลไปยังหน่วยงานต่างๆในประเทศไทยด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตร กระทรวงอุตสาหกรรม บีโอไอ แล้วเราก็จะทําการปรับปรุงอย่างเป็นกระบวนการต่อไป เรื่องนี้คิดว่าเป็นความสําเร็จอันดับแรกของกระทรวงการต่างประเทศในแง่ของการจัดศูนย์ข้อมูลทางธุรกิจหรือ business information center ซึ่งจะมีศูนย์ในนิวยอร์คต่อด้วย รัสเซียเป็นต้น"

สำหรับBIC คุณรัฐกิจได้แนะนำอย่างละเอียดว่า" business information center ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีนสําหรับนักธุรกิจไทยที่สนใจการค้าและการลงทุนในจีน อันนี้น่าสนใจ ส่วนหนึ่งก็คือ เว็บไซต์ที่ผมได้ย้อมหลังตรวจดู มีนักศึกษามหาวิทยาลัยเข้ามาดูเยอะเหมือนกัน แสดงว่าข้อมูลใช้ได้ เขาเอาไปทํารายงาน ศูนย์จะทําอะไรต่อไปคือการสร้างเครือข่ายระหว่างส.อ.ส หรือ ส.ข.ย คําว่าส.อ.ทก็ดี ส.ข.ยก็ดีหมายความรวมถึงการพาณิชย์ หมายความรวมถึงบีโอไอ หมายความรวมถึงการเกษตร ทั้งหมดที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เป็นกาบูรณาการข้อมูล ถ้าเปิดเว็บไขต์ของศูนย์จะเห็นว่า บางที่มาจากเกษตร บางทีมาจากพาณิชย์ อันนี้ก็เห็นว่าการบริการข้อมูลธุรกิจเป็นการให้บริการสําหรับนักธุรกิจไทยและจีน ช่วงแรกต้องเน้นนักธุรกิจไทยก่อน และมีคณะให้ความเห็นต่างๆช่วยเหลือเขา เว็บไซต์อันนี้เป็นเว็บไซต์ที่ถือว่าวันที่ 3 เมษาเปิดให้บริการแล้ว แต่อายุจริงๆก็เรียกว่าตั้งท้องได้ ประมาณห้าเดือนเท่านั้น ในห้าเดือนที่ว่ามีคนมาเยี่ยมชมหนึ่งแสนหกหมื่นคน ซึ่งผมถือว่าใช้ได้ ตามข้อมูลเหล่านี้ เราได้สร้างเครือข่ายติดต่อระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน รวมทั้งสมาคมธุรกิจไทย-จีน อันนี้เห็นว่าศูนย์บีไอซีนี้อยู่ได้เนื่องจากอาศัย 2 ส่วนด้วยกัน ส่วนแรกอยู่ที่ต่างประเทศ ส่วนที่สองที่มีความเข้มแขงเท่าๆกันอยู่ในประเทศไทย หอการค้าไทย-จีนมีสถานที่ทํางานอยู่ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้และกวางโจวก็มีนักธุรกิจไทยเยอะ ข้อถัดมาให้บริการแก่นักธุรกิจจีน อันนี้บีไอซีเรากําลังทํารายงานเศรษฐกิจวิเคราะห์ต่างๆด้วย คือพัฒนาศูนย์และเพิ่มขีดความสามารถในการให้คําแนะนําแก่นักธุรกิจไทยและจีน อันนี้น่าสนใจ แล้วให้บริการศึกษาและวิเคราะห์ตลาดจีนตามสาขาหรือตมที่นักธุรกิจต้องการ ถัดมาในระยะยาว อันนี้ต้องดูระเบียบนิดหนึ่ง มันเป็นกึ่งองค์การเอกชนในที่สุด ให้ความเห็นและวิเคราะห์ให้ ในที่สุดถามว่าบีไอซี business information center ในขณะนี้มันจะไปไหน ในที่สุดจะมีทีมงานจากญี่ปุ่น จากออสเตรีย แต่ข้อแข็งของเขาคือข้อมูลของเขาเยอะ แต่ข้อมูลของเขาเยอะเป็นข้อมูลที่สับสนมาตลอด ของเราในโลกปัจจุบัน ผมเชื่อว่าถ้าได้รวบรวมจากกระทรวง ข้อมูลไม่ยาก เรามีอยู่แล้ว เพียงแต่ทําให้เป็นระบบมากขึ้น"