นัส สวัสดีค่ะกลับมาพบกับนัสและน้อยหน่าอีกเช่นเคย กับรายการสบายๆในจีน รายการที่จะเฟ้นหาสาระน่ารู้จากทั่วทุกมุมของประเทศจีนมาเล่าสู่คุณผู้ฟังถึงเมืองไทย ดิฉัน อารีวัลย์ บุญอากาศคะ

หน่า สวัสดีคะดิฉันประภัสสร สุภาพคะ ช่วงนี้รู้สึกคึกคักกระชุ่มกระชวยจังเลยคะคุณนัส เพราะเปิดโทรทัศน์ช่องไหนก็มักจะมีแต่ข่าวการวิ่งคบเพลิงกีฬาโอลิมปิค

นัส ใช่คะ นัสก็รู้สึกเหมือนกัน นี่เขาไม่ได้วิ่งกันแค่ที่ปักกิ่งอย่างเดียวนะ แต่จะมีการวิ่งคบเพลิงโอลิมปิกผ่าน 20 ประเทศทั่วโลกและอีก 113 เมืองในประเทศจีนเลยหล่ะคะ แล้วนี่ทางการจีนเขาก็ได้จัดพิธีรับไฟคบเพลิงจากประเทศกรีซที่บริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมินไปตอนปลายเดือนมีนาคมนี่เอง ในงานนี้มีประธานาธิบดีหู จิ่นเทา เป็นประธานของงาน และก็ยังมีผู้มาร่วมงานอีกราวๆ 5,000 คน ภายในงานเขาก็จะให้ชนเผ่าต่างๆทั่วเมืองจีนแต่งกายด้วยชุดประจำชาติมาร่วมงานด้วยคะ เห็นแล้วก็บอกได้อย่างเดียวว่างานนี้ชาวจีนเขาจัดอย่างเต็มที่ทีเดียว

หน่า โดยการวิ่งคบเพลิงนี้เขาจะเริ่มออกวิ่งจากกรุงอัลมาตีของคาซัคสถาน เป็นประเทศแรก ก่อนกลับถึงจีนในอีก130 วันข้างหน้า ซึ่งเมื่อนับแล้วก็จะวิ่งมาสิ้นสุดที่กรุงปักกิ่ง ตรงกับวันที่ 8 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันที่มีพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิคครั้งที่ 29 อย่างเป็นทางการพอดิบพอดีเลยคะ สำหรับการวิ่งในครั้งนี้ก็รวมเป็นระยะไม่มากไม่น้อยคะแค่ 137,000 กิโลเมตรเท่านั้นเอง

นัส อย่างนี้เขาเรียกว่าไม่มากไม่น้อยไม่ได้แล้วคะคุณหน่า ต้องเรียกว่าวิ่งกันเป็นระยะทางที่ไกลมากๆทีเดียว แต่นี่นัสเห็นประเทศต่างๆทั่วโลกต่างเตรียมต้อนรับการวิ่งคบเพลิงครั้งนี้แล้วก็ทำให้รู้สึกว่านานแล้วเหมือนกัน ที่โลกเราไม่ได้มีกิจกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความสามัคคีของเหล่ามนุษยชาติแบบนี้ เห็นแล้วก็รู้สึกดีใจปนขนลุกเลยหล่ะคะ

หน่า ขนาดนั้นเลยนะคะคุณนัส แต่ว่าไปแล้วหน่าก็อดปลื้มไม่ได้เหมือนกันคะ นี่หน่าก็ว่าจะไปบู๊ทที่เขาขายของที่ระลึกกีฬาโอลิมปิคซื้อตัวคฑาที่ใช้จุดไฟคบเพลิงมาเก็บไว้เป็นที่ระลึกสักหน่อยคะ เพราะคราวก่อนหน่าก็ซื้อตุ๊กตาฝูหวาหว้าทั้งห้าตัวมาเก็บสะสมไว้เรียบร้อยแล้ว

นัส เหมือนกันเลยคะ นัสรู้สึกว่าคฑาปีนี้เท่ห์มากๆเลย แล้วพอดูปุ๊บก็รู้ปั๊บเลยว่าเป็นคฑาโอลิมปิคของจีน เพราะเขาออกแบบโดยใช้ลวดลายจีนมาผสมผสานกับสไตล์โมเดิลได้อย่างลงตัว ดูเก๋ไก๋ทีเดียวและที่สำคัญสีสวยด้วยคะ

หน่า นับตั้งแต่การแข่งขันโอลิมปิคครั้งที่ 11 ในปี 1936 หรือใน พ.ศ. 2479 คบเพลิงโอลิมปิคก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศและเมืองที่ถูกใช้เป็นที่สถานที่จัดการแข่งขัน หลังจากนั้นเป็นต้นมาในทุกครั้งที่มีการจัดการแข่งขัน ทางเจ้าภาพก็จะให้ความสำคัญกับคบเพลิงเอามากๆเลยคะ