China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2008-08-07 16:14:01    
ฉันต้องลำหน้ากว่าวันนี้

cri

ท่านผู้ฟังครับ รายการกรุงปักกิ่งปี 2008 วันนี้ ขอเชิญท่านฟังบทความเรื่อง ฉันต้องลำหน้ากว่าวันนี้

พ่อไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะเป็นนักกรีฑาได้

ดิฉันไม่เคิยคิดว่าจะเข้าร่วมงานกีฬาโอลิมปิกได้ และสามารถเข้าร่วมได้ถึงสองครั้ง

คุณพ่อไม่เคยคิดเลยว่า ลูกสาวจะก้าวหน้าด้านกีฬาขนาดนี้ ส่วนลูกสาวเองก็คิดไม่ถึงว่า จะสามารถเป็นตัวแทนนักกีฬาลาวและเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาที่มีระดบสูงสุดของโลกถึงสองครั้ง

เธอคือนักวิ่ง 100 เมตรหญิง พิไลลักษณ์ ศักิด์ประเสริฐ (Philailak Sakpaserth) ของลาว เธอเริ่มฝึกกรีฑาอย่างเป็นทางการเมื่ออายุ 11 ขวบ และเมื่อมีอายุ 13 ปี เธอได้ครองแชมป์ในการแข่งขันวิ่ง 100 เมตรหญิงระดับอนุชนของลาว พออายุ 15 ปี เธอได้เหรียญทองในการแข่งขันกีฬาทั่วประเทศของลาวแล้ว และเมื่ออายุ 17 ปี เธอได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ และปีนี้ด้วยวัยเพียง 21 ปี เธอได้เข้าเข้าร่วมงานกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งอีก ผลสำเร็จอันดีเยี่ยมดังกล่าวจะแยกออกจากความขยันหมั่นเพียรของเธอไม่ได้ เด็ดขาด และไม่อาจแยกความปรารถนาอันแรงกล้าที่ต้องการลำหน้ากว่าปัจจุบันของเธอ

พิไลลักษณ์ ศักิด์ประเสริฐ (Philailak Sakpaserth) เกิดจากครอบครัวกีฬา คุณพ่อและคุณแม่ล้วนเป็นนักกรีฑา น้องชายของเธอเป็นนักกีฬาเทนนิส เหตุที่ทำให้เธอเดินหนทางเป็นนักกรีฑาแรงบันดาลใจมาจากครอบครัว ตั้งแต่เธอเป็นเด็ก คุณพ่อเป็นโค๊ชให้และให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เขากล่าวว่า

ผมกับคุณแม่ของเธอล้วนทำงานด้านกีฬา ตอน Philailak อายุ 2 ขวบ เราก็ปล่อยให้เธอเล่นบนสนามแล้ว โตขึ้นมาหน่าย เราพาเธอไปวิ่งในสนามที่มีลู่ เด็กคนนี้ชอบการแข่งขันกีฬามาก และรู้สึกดีใจมากทุกครั้งที่ได้วิ่งในสนามกีฬา

ขณะเล่าถึงเหตุการณ์วันก่อนเก่าในการฝึกวิ่งนั้นยังมีเรื่องตลกแฝงไว้ด้วย ตอนเด็กๆ Philailak อ้วนมาก คุณพ่อจึงหมายจะส่งเธอไปฝึกยกน้ำหนัก แต่เด็กสาวทุกคนล้วนรักสวยรักงามซึ่งเป็นธรรมชาติ จึงคุยกับพ่อว่า ไม่อยากอ้วนและอยากจะฝึกการวิ่งตามคุณพ่อ ตอนอายุ 11 ขวบ จึงเริ่มฝึกอย่างเป็นทางการ และก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในระยะสั้น ๆ เธอได้คว้าแชมป์การวิ่งระยะสั้นในการแข่งขันกีฬาทั่วประเทศ หลังฝึกซ้อมเป็นเวลาสี่ปี ขณะเล่าถึงการแข่งขันที่ลูกสาวได้เป็นแชมป์การแข่งขันระดับประเทศครั้งนั้น คุณพ่อ Philailak กล่าวด้วยความยินดีว่า

ปีนั้น Philailak อายุเพียง 15 ปี ในจำนวนนักกีฬาที่ได้เข้าร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศนั้น เธอมีอายุน้อยที่สุด ก่อนลงแข่งขัน รู้สึกกลัว ผมจึงบอกเธอว่า อย่าคิดอย่างอื่น วิ่งอย่างเดียว พ่อเชื่อมันว่า Philailak จะได้รับชัยชนะแน่นอน ผลการแข่งขันครั้งนั้นก็คือ เธอได้แชมป์จริงๆ และรู้สึกตื่นเต้นมาก โอบกอดผมตะโกนว่า หนูชนะแล้ว

ปี 2004 Philailak มีอายุ 17 ปี และได้เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกกรุงเอเธนส์ เมื่อพูดถึงการแข่งขันครั้งนั้น Philailak เล่าว่า เธอไม่พอใจกับผลการแข่งขันครั้งนั้นเลย แต่ขณะเดียวกัน เธอก็กล่าวว่า การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกของปี 2004 ได้ทำให้เธอก้าวล้ำหน้าอีกขึ้น เธอกล่าวว่า

แม้ว่าเป็นครั้งแรกที่เข้าร่วมงานกีฬาโอลิมปิก และรู้สึกเครียดบ้างก็ตาม แต่ดิฉันมีความมั่นใจมาก และได้ทำลายสถิติของตนในอดีต รู้สึกตื่นเต้นมากที่ประสบความสำเร็จ แต่ที่น่าเสียใจคือ ไม่ได้ทำลายสถิติของประเทศ ดังนั้น ดิฉันจึงตั้งใจว่า ถ้าหากมีโอกาสจะเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอีกครั้ง ดิฉั้นต้องทำให้ดียิ่งขึ้น

หลังจากงานกีฬาโอลิมปิกที่กรุงเอเธนส์ Philailak ได้รับบาดเจ็บ และเคยคิดว่าจะอำลาวงการกีฬา แต่ด้วยความใฝ่ฝันและเป้าหมายของเธอ เธอจึงยืนหยันต่อไป เธอกล่าวว่า

ดิฉันได้ไปหาหมอ กินยา เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ เพราะดิฉันชอบการแข่งขัน และยังไม่อยากหยุด ดิฉันยังไม่บรรลุเป้าหมายที่จะทำลายสถิติของประเทศซึ่งเป็นเป้าหมายของดิฉันเลย

ปี 2008 Philailak จะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกอีก เธอกล่าวว่า สำหรับดิฉันแล้ว การเข้าร่วมงานกีฬาโอลิมปิกอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นะ เพราะต้องใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละ เพื่อเข้าร่วมงานกีฬาโอลิมปิกที่กรุงปักกิ่งครั้งนี้ ดิฉันได้เตรียมการเป็นเวลาสี่ปี และอาจเป็นครั้งสุดท้ายของดิฉันแล้ว

ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี้ Philailak ได้พยายามฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องเพื่อบรรลุเป้าหมายที่เธอตั้งไว้ เธอกล่าวว่า

ดิฉันได้เตรียมพร้อมแล้ว เชื่อมั่นว่า ที่กรุงปักกิ่งดิฉันจะทำได้ดีกว่าเมื่อปี 2004 สำหรับการแข่งขัน และหวังว่าจะได้คะแนนดีกว่าครั้งที่แล้ว และทำลายสถิติของลาวได้ หลังจากงานกีฬาโอลิมปิกกรุงปักกิ่ง ดิฉันคิดว่า คงจะมีนักกีฬาหน้าใหม่จำนวนมาก ส่วนดิฉันอาจจะไปเรียนต่อ เพื่อมีความรับรู้มากยิ่งขึ้น และบรรลุความใฝ่ฝันที่สูงกว่า