พิพิธภัณฑ์โส่วตู กรุงปักกิ่ง

 (Capital Museum) 

ชาวต่างชาติที่มาชมงานกีฬาโอลิมปิก 2008 ณ กรุงปักกิ่งน่าจะเจียดเวลาไปเที่ยวกรุงปักกิ่งบ้าง กรุงปักกิ่งในฐานะเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของจีน มีพิพิธภัณฑ์กว่า 140 แห่ง รองจากกรุงลอนดอน มากเป็นอันดับที่สองในโลก ต่อไปขอพาท่านไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในกรุงปักกิ่งค่ะ

ที่ท่านกำลังฟังอยู่นี้เป็นเสียงบรรยายของผู้บรรยายในพิพิธภัณฑ์โส่วตู (Capital Museum) กรุงปักกิ่ง อาคารหลังใหม่ของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เปิดในปี 2006 เป็นพิพิธภัณฑ์แบบอเนกประสงค์ที่มีอุปกรณ์ทันสมัย และเป็นสถาปัตยกรรมเชิงสัญลักษณ์ของกรุงปักกิ่งในศตวรรษใหม่ด้วย

แนวคิดการออกแบบก่อสร้างของพิพิธภัณฑ์โส่วตูคือ "ถือมนุษย์เป็นหลัก ถือโบราณวัตถุเป็นหลักและให้บริการแก่สังคม" นอกจากนี้ยังเน้น "ความกลมกลืนระหว่างอดีตกับอนาคต ประวัติศาสตร์กับยุคสมัยใหม่ ศิลปะกับธรรมชาติ" ฉะนั้น สิ่งก่อสร้างของพิพิธภัณฑ์โส่วตูจึงเข้มข้นด้วยเอกลักษณ์ประจำชาติและความทันสมัยอย่างแจ่มจรัส

พิพิธภัณฑ์โส่วตูจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดจากเขตกรุงปักกิ่งและเก็บสะสมมาโดยตลอด โดยแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่ การแสดงโบราณวัตถุทั่วไป การแสดงโบราณวัตถุล้ำค่าและการแสดงเฉพาะกาล จนถึงเวลานี้ โบราณวัตถุมีทั้งหมดกว่า 250,000 ชิ้น รวมถึงเครื่องทองสัมฤทธิ์ เครื่องเคลือบและเครื่องปั้นดินเผา ศิลปะการคัดลายมือและภาพเขียน การแกะสลักหิน กษาปณ์ เครื่องหยก ราชลัญฉกร สิ่งทอลายปัก พระพุทธรูป เครื่องเขียนและศิลปะพื้นบ้าน เป็นต้น มีอยู่ไม่น้อยเป็นสิ่งของล้ำค่าและมีหนึ่งไม่มีสองที่มีชื่อเสียงระดับโลก

ด.ญ. หู เจียอิน เพิ่งจบการศึกษาชั้นประถมศึกษา เธอมาชมการแสดงในพิพิธภัณฑ์โส่วตูอย่างสนุกและมีสาระ เธอบอกว่า การชมการแสดงในพิพิธภัณฑ์นับเป็นสิ่งสำคัญในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เธอเล่าว่า

"ตอนนี้พิพิธภัณฑ์ทุกแห่งเปิดให้เข้าชมฟรี หนูมาชมเพื่อเพิ่มความรู้ในด้านต่างๆ หนูรู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดีมาก สิ่งต่างๆ ซึ่งรวมทั้งสถาปัตยกรรมล้วนแปลกหูแปลกตาไปหมด สิ่งที่จัดแสดงเป็นสิ่งที่หนูไม่เคยรู้เคยเห็นมาก่อน ช่วยให้หนูเข้าใจประวัติศาสตร์ได้ดีขึ้น"

นอกจากพิพิธภัณฑ์โส่วตูแล้ว กรุงปักกิ่งยังมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายต่อหลายแห่งที่น่าเที่ยวน่าชมนะคะ หากท่านอยากจะศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมปักกิ่งเพิ่มเติม ก็ขอเชิญไปชมพิพิธภัณฑ์ประเพณีพื้นบ้านกรุงปักกิ่ง (Beijing Folk Arts Museum) กันนะคะ คุณหลี่ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์แห่งนี้เล่าว่า