ขณะนี้ที่กรุงปักกิ่ง นับวันมีการสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับคนพิการในสถานที่สาธารณะมากขึ้น เช่น ในระบบขนส่งมวลชนและสถานที่จัดกิจกรรมวัฒนธรรม เป็นต้น นับเป็นความพยายามของกรุงปักกิ่งในการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ของคนพิการ เมื่อรัฐให้ความสำคัญและสังคมพัฒนา ช่วงหลายปีมานี้ กิจการคนพิการกรุงปักกิ่งจึงพัฒนาอย่างเต็มร้อย

ที่ "บ้านอบอุ่นสำหรับคนพิการ" เขตซีเฉิงกรุงปักกิ่ง นางหวางวัย 40 กว่า ๆ กำลังฟังเพลงพร้อมๆ กับทำกายภาพบำบัดภายใต้การชี้แนะของแพทย์ ผู้ที่มาทำกายภาพบำบัดด้วยกันนั้นยังมีคนพิการที่อาศัยในบริเวณโดยรอบอีกมากมาย เธอกล่าวว่า

"หลังจากมาทำกายภาพบำบัดที่นี่แล้ว ร่างกายมีแรงขึ้นมา สองขามีความสมดุลมากขึ้น สามารถเดินได้ ใช้แรงได้แล้ว"

"บ้านอบอุ่นสำหรับบคนพิการ" สร้างขึ้นโดยหน่วยงานรัฐบาลเขตซีเฉิง เป็นสถานบริการคนพิการแบบอเนกประสงค์โดยใช้ทรัพยากรระบบบริการสาธารณะภายในเขตชุมชน เปิดบริการตั้งแต่การบำบัดฟื้นฟูสุขภาพ การประกันสังคม การฝึกอบรมทักษะในการประกอบอาชีพ ไปจนถึงกิจกรรมวัฒนธรรมและกีฬา ซึ่งเปิดให้บริการฟรีทั้งหมด บ้านหลังนี้เป็นอาคารสามชั้น ออกแบบสำหรับคนพิการโดยเฉพาะ คือ ภายในมีการปูทางสำหรับคนตาบอดซึ่งทะลุถึงทุกห้อง ตามระเบียงทุกระเบียง มีราวให้ยึดเกาะสีเหลืองอร่ามซึ่งทอดไปถึงทุกซอกทุกมุม พื้นใช้วัสดุกันลื่นทุกตารางนิ้ว ก๊อกน้ำประปาใช้ระบบสัมผัส ส่วนห้องน้ำเป็นประเภทที่ไม่แบ่งเพศ เพื่อให้สมาชิกครอบครัวของคนพิการสามารถติดตามดูแลถึงห้องน้ำได้

นางหลิว จื่อจิง กรรมการสหพันธ์คนพิการเขตซีเฉิงกรุงปักกิ่งระบุว่า ที่เขตซีเฉิง ได้จัดส่งแพทย์ที่ผ่านการฝึกอบรมและผู้ประสานงานคนพิการอีกกว่า 150 คนไปประจำตามสถานบริการในเขตชุมชนทุกแห่ง จากชุมชนเดินอย่างมาก 15 นาทีก็จะถึงสถานบริการฯ เข้าถึงการช่วยเหลือและการบริการต่างๆ เธอกล่าวว่า

"เราปรับและอาศัยสถานพยาบาลที่อยู่ในสายอาชีพภายในเขตอย่างเต็มที่ นำ "บ้านอบอุ่นฯ" ไปเชื่อมกับศูนย์บริการสุขภาพเขตชุมชน 7 แห่งและสถานบริการสุขภาพเขตชุมชน 48 แห่งเข้าด้วยกัน เพื่อตอบสนองความต้องการขั้นพื้นฐานของคนพิการในเขตซีเฉิง"

นอกจากเรื่องการบำบัดฟื้นฟูสุขภาพแล้ว กรุงปักกิ่งยังคุ้มครองสิทธิประโยชน์ต่างๆ ของคนพิการ ทั้งการประกันสังคม การศึกษาและการหางานทำ ลี่ ไฉเม่า ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมาธิการกิจการคนพิการกรุงปักกิ่งกล่าวว่า

"กรุงปักกิ่งมีคนพิการ 1 แสนคนเข้าถึงระบบการประกันค่าครองชีพขั้นต่ำสุดและระบบเงินอุดหนุนชีวิตประจำวันจากรัฐ กล่าวได้ว่า คนพิการมีหลักประกันด้านชีวิตประจำวัน ส่วนเด็กพิการร้อยละ 99.5 ได้เข้าถึงระบบการศึกษาภาคบังคับ นอกจากนี้ ในคนพิการที่อยู่ในวัยทำงานจำนวน 2 แสนคนนั้น มี 7 หมื่นคนสามารถหางานทำได้แล้ว"