สถานวิทยุซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อบ่ายวันที่ 31 สิงหาคม นายเอฮุด โอลเมิร์ต นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และนายมาห์หมุด อับบัส ประธานองค์กรอำนาจแห่งชาติปาเลสไตน์ได้จัดการเจรจาที่เมืองเยรูซาเล็ม ผู้นำทั้งสองมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า สองฝ่ายจะใช้ความพยายามร่วมกันเพื่อบรรลุข้อตกลงสันติภาพก่อนสิ้นปี 2008 และสัญญาว่า จะสืบทอดเจตนารมณ์ของการประชุมว่าด้วยสันติภาพตะวันออกกลางระหว่างประเทศที่จัดขึ้นที่เมืองแอนนาโปลิสเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2007 และผลักดันกระบวนการสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ต่อไป ทว่า เนื่องจากผลกระทบจากสถานการณ์ภายในทั้งของอิสราเอลและปาเลสไตน์ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงผู้นำ การเจรจาสันติภาพระหว่างสองฝ่ายจังเข้าสู่ระยะละอ่อนไหวเป็นพิเศษ
การเจรจาดังกล่าวนับเป็นการเจรจาครั้งที่ 2 ระหว่างผู้นำปาเลสไตน์กับอิสราเอลตั้งแต่นายเอฮุด โอลเมิร์ตประกาศสละสิทธิ์เข้าร่วมการเลือกตั้งผู้นำพรรคคาดิมา และจะลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีภายหลังผลการเลือกตั้งประธานพรรคฯคนใหม่ออกมา และคงจะเป็นการพบปะครั้งสุดท้ายกับนายอับบัสก่อนการเลือกตั้งผู้นำของพรรคคาดิมาในขั้นต้น กล่าวสำหรับอิสราเอล การเลือกตั้งผู้นำของพรรคคาดิมาในวันที่ 17 กันยายนจะมีความสำคัญต่อการเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลกล่าวว่า การเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ได้รับผลสำเร็จที่สำคัญแล้ว แต่สองฝ่ายยังเผชิญกับความขัดแย้งกันอันหนักหน่วง สื่อมวลชนเห็นว่า จนถึงปัจจุบัน การเจรจาสันติภาพฯที่ยืดเยื้อเป็นเวลา 9 เดือนยังไม่ได้รับความคืบหน้า จึงเป็นไปไม่ได้ที่การเจรจาฯจะประสบผลอย่างแท้จริงก่อนที่นายกฯโอลเมิร์ตจะหมดวาระ
อันที่จริง ก่อนจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม นายเอลิ ยิชาอิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน อุตสาหกรรมและการค้าของอิสราเอล และประธานพรรคชาส พรรคปีกขวาของสหพันธ์การปกครองกล่าวว่า หลังจากนายเอฮุด โอลเมิร์ตประกาศลาออกแล้ว เขาก็ไม่มีสิทธิ์จัดการเจรจาใดๆทั้งสิ้นกับปาเลสไตน์ แล้วก็ไม่มีสิทธิ์ลงนามข้อตกลงใดๆด้วย ส่วนภายในพรรคคาดิมา นางทซิพิ ลิฟนี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอิสราเอลก็ระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับการเร่งทำข้อตกลงภายในช่วงเวลาที่จำกัดมากเช่นนี้
นอกจากนี้ ขณะที่วันเลือกตั้งผู้นำพรรคคาดิมาใกล้เข้ามา บรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งต่างมีความประสงค์ชัดเจนที่จะ"วางแผนเจรจาสันติภาพ"เพื่อเพิ่มความเหนือกว่าของตนในการแข่งขัน นายชาอูล โมฟัส ผู้สมัครรับเลือกตั้งที่ระบุว่าจะผลักดันการเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์หลังจากขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว ประณามนางทซิพิ ลิฟนีที่มุ่งหมายจะอ่อนข้อต่อปาเลสไตน์ด้วยการแยกอธิปไตยของเยรูซาเล็ม และเรียกร้องให้นางลิฟนีเปิดเผยผลการเจรจาก่อนหน้านี้ทั้งหมด เขายังกล่าวเน้นอีกครั้งว่า เยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงอิสราเอลที่ไม่อาจแบ่งแยกได้ นักวิเคราะห์เห็นว่า การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างสองฝ่ายอาจไม่มีผลต่อเห็นนโยบายของรัฐบาลอิสราเอลในอนาคต คำกล่าวเกี่ยวกับการเจรจาสันติภาพที่แตกต่างกระทั่งตรงกันข้ามกันระหว่างสองฝ่ายมิอาจจะส่งผลดีต่อการเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์
สำหรับฝ่ายปาเลสไตน์ นายมาห์หมุด อับบัสก็เผชิญกับการท้าทายเช่นกัน ตามกฎหมายปาเลสไตน์ นายอับบัสที่ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานองค์กรอำนาจแห่งชาติจะครบวาระหน้าที่ในช่วงต้นปี 2009 ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฮามัสกับกลุ่มฟาตาห์ยังแก้ไม่ตก ประกอบกับอิทธิพลทางการเมืองของนายอับบัสลดน้อยลงอันเนื่องมาจากการเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์ไม่ได้รับความคืบหน้าเป็นเวลานาน การเลือกตั้งประธานองค์กรอำนาจแห่งชาติปาเลสไตน์ในอนาคตอาจจะก่อให้เกิดความวุ่นว่ายรอบใหม่ภายในปาเลสไตน์
เพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว ประธานอับบัสมี 3 ทางเลือกในปัจจุบัน หนึ่งปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตนเองอยู่ในตำแหน่งต่อไป สอง พยายามตกลงกับกลุ่มฮามัสเกี่ยวกับกำหนดวันที่จะจัดการเลือกตั้งทั่วไป สาม ยุบคณะกรรมการนิติบัญญัติปาเลสไตน์และจัดการเลือกตั้งทั่วไปก่อนกำหนด แต่พิจารณาจากสถานการณ์ร้ายแรงดังกล่าว การตัดสินใจกับทางเลือกดังกล่าวไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนายอับบัส อนาคตของการเจรจาสันติภาพอิสราเอล-ปาเลสไตน์จะเป็นอย่างไร ผู้คนคงต้องอดทนจับตามองกันต่อไป
Min/Lu
|