China Radio International
ข่าวภายใน
    ประเทศ
ข่าวต่างประเทศ
 ข่าวการเมืองและ
 การต่างประเทศ
 ข่าวเศรษฐกิจ
 ข่าววัฒนธรรม

 ข่าววิทยาศาสตร์
  เทคโนโลยี่

 ข่าวกีฬา
 ข่าวอื่น
วันที่ 13 พฤศจิกายน ปี ค.ศ.2009
อ่านต่อ>>

จีนปัจจุบัน

เศรษฐกิจ

พาเที่ยวจีน

วัฒนธรรม

ชนชาติส่วนน้อย

การเมือง
(GMT+08:00) 2008-10-15 17:47:02    
ข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาทวีความรุึนแรงขึ้นอีก

cri

เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ข้อพิพาทพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาทวีความรุนแรงขึ้นอีก การแก้ปัญหาข้อขัดแย้งด้า้นดินแดนกลายเป็นปัญหาเร่งด่วนของรัฐบาลทั้งสองฝ่าย

เมื่อเช้าวันที่ 13 ตุลาคมนี้ นายทหารไทยกว่า 80 นายเข้าประจำการบริเวณปราสาทพระวิหาร ทหารไทยให้เหตุผลว่า เก็บทุ่นระเบิด แต่สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาแจ้งต่อไทยในวันเดียวกัน เรียกร้องให้ถอนทหารไทยที่เข้าสู่บริเวณนี้ออกไปก่อนเที่ยงวันที่ 14 ตุลาคมนี้ มิเช่นนั้น สองประเทศอาจจะเกิดสงครามอย่างรอบด้าน หลังจากนั้นหนึ่งวัน นายพลกัมพูชานายหนึ่งกล่าวว่า ทหารไทยได้ถอนกลับประเทศไทยก่อนเที่ยงวันที่ 14 ตุลาคมแล้ว สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสองประเทศมีแนวโน้มผ่อนคลาย

แต่สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสองฝ่ายไม่ได้สงบลง ต่อมา ทหารไทยประกาศคำแถลงที่มีน้ำเสียงแข็งกร้าว โดยกล่าวว่า ทหารไทยไม่ได้ถอนออก และจะไม่ถอนออกจากปราสาทพระวิหาร กระทรวงการต่างประเทศไทยก็กล่าวว่า ถ้ากัมพูชาใช้กำลังรุนแรงแก้ปัญหาข้อพิพาทพรมแดนระหว่างสองประเทศ ไทยก็จะ "ใช้ปฏิบัติการป้องกันตนเอง"

ขณะเดียวกัน ข้อพิพาทชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชากลายเป็นประเด็นหลักของการประชุมคณะรัฐมนตรีไทยในวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสมชาย วงค์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีไทยยังได้จัดการปรึกษาหารือเร่งด่วนกับผู้นำทางทหาร ในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้นภายหลัง นายสมชาย วงค์สวัสดิ์กล่าวว่า ไทยจะไม่ก่อการโจมตีต่อประเทศอื่นก่อน และจะไม่รุกรานประเทศเพื่อนบ้าน แต่เพื่อป้องกันอธิปไตยของประเทศ ไทยจะไม่ถอนทหารออกจากปราสาทพระวิหาร ขณะเดียวกันเขากล่าวว่า ไทยยืนหยัดที่จะแก้ปัญหาข้อพิพาทพรมแดนด้วยการเจรจาอย่างสันติ

แม้ว่าวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา กัมพูชากับไทยไม่ได้เกิดปะทะกัน แต่ข้อพิพาทพรมแดนระหว่างสองประเทศทวีความรุนแรงขึ้นอีก ตามบันทึกความเข้าใจร่วมกันที่สองฝ่ายทำไว้ ฝ่ายที่เกี่ยวข้องของสองประเทศจะจัดการเจรจาเกี่ยวกับปัญหาพรมแดนในวันที่ 15 และวันที่ 21 ตุลาคมนี้ นักวิเคราะห์เห็นว่า มองจากสถานการณ์การเมืองของสองประเทศในปัจจุบัน กัมพูชาอยู่ในฐานะได้เปรียบ ส่วนรัฐบาลไทยเกิดวิกฤติการเมืองภายในประเทศ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอด จึงมีฐานะเสียเปรียบ

เมื่อไม่นานมานี้ พรรคประชาชนกัมพูชาที่นำโดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชาชนะการเลือกตั้งทั่วไป สถานการณ์การเมืองภายในประเทศกัมพูชาค่อนข้างมั่นคง สมเด็จฮุน เซน เร่งให้ฝ่ายไทยจัดการเจรจาโดยเร็ว และกล่าวว่า ถ้าการเจรจาแบบทวิภาคีไม่สามารถแก้ข้อพิพาทพรมแดนได้ กัมพูชาก็จะยื่นให้ศาลโลกหรือสหประชาชาติช่วยประสานงาน

ตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นมา สถานการณ์การเมืองของไทยปั่นป่วนโดยตลอด เปลี่ยนรัฐบาล และเปลี่ยนรัฐมนตรีต่างประเทศ รัฐบาลชุดใหม่ของนายสมชายมีวิกฤติการณ์ลาออกจากตำแหน่งเนื่องจากเกิดปะทะกันระหว่างฝ่ายตำรวจกับผู้ประท้วง โครงการเยือนกัมพูชาของนายสมชายก็ถูกยกเลิกไป เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ศาลรัฐธรรมนูญไทยตกลงที่จะพิจารณาคำร้องเกี่ยวกับการยุบพรรคร่วมรัฐบาลสามพรรค ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ยุบสามพรรคนี้ รัฐบาลนายสมชายก็จะถูกยุบไปด้วย การเจรจาเกี่ยวกับพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาจะพัฒนาต่อไปอย่างไรยังเป็นเรื่องที่น่าสนใจ

(Ldan)