การขยายตัวของเศรษฐกิจภาครัฐดำเนินควบคู่กับการปฏิรูปของรัฐวิสาหกิจ และการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ สำหรับการปฏิรูปของรัฐวิสาหกิจ โดยแท้จริงก็คือ การแสวงหารูปแบบที่เหมาะสมเพื่อปรับปรุงให้ระบบกรรมสิทธิสาธารณะสอดคล้องกับเศรษฐกิจการตลาด ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จากเดิมที่รัฐวิสาหกิจถูกควบคุมโดยรัฐบาล ค่อยๆพัฒนาเป็นวิสาหกิจยุคใหม่ที่ประกอบธุรกิจ รับผิดชอบการค้าขาย พัฒนาและบริหารจัดการด้วยตนเอง เติบโต้ขึ้นท่ามกลางการแข่งขัน ที่สำคัญคือได้ยืนหยัดการปฏิรูปตามทิศทางเศรษฐกิจการตลาด ผู้อำนวยการคณะกรรมการสินทรัพย์ของรัฐในสังกัดคณะรัฐมนตรีจีนกล่าวเชิงเปรียบเทียบว่า กระบวนการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจแบ่งเป็น"ช่วงการอุ่นเครื่อง" "การแข่งขันเข้ารอบ"และ"การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ"

ช่วง"การอุ่นเครื่อง"หมายถึงช่วง 15 ปีตั้งแต่เริ่มดำเนินนโยบายปฏิรูปจนถึงการจัดการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 14 มาตการสำคัญของรัฐบาลคือให้รัฐวิสาหกิจมีสิทธิ์ในการประกอบธุรกิจมากขึ้น ทดลองกลไกที่ให้รัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมมากขึ้นในการผลิตและการค้า เพื่อให้วิสาหกิจตระหนักว่า เป็นผู้รับผิดชอบการได้เปรียบหรือเสียเปรียบดุลการค้า เป็นการปูพื้นฐานเพื่อผลักดันรัฐวิสาหกิจให้เข้าร่วมตลาดที่อิสระ

ช่วง"การแข่งขันเข้ารอบ"คือ 10 ปีต่อมาที่เริ่มตั้งแต่เสร็จสิ้นการประชุมเต็มคณะครั้งที่ 3 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนสมัยที่ 14 จนถึงการประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 16 หมายถึงการรังสรรค์ระบบใหม่และการปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยได้กำหนดวิสาหกิจยุคใหม่ที่ว่า"กำหนดชัดเจนเกี่ยวกับผู้ครองกรรมสิทธิ์ ระบุสิทธิและความรับผิดชอบ รัฐบาลให้วิสาหกิจบริหารจัดการและพัฒนาเอง บริหารวิสาหกิจและการค้าตามหลักวิทยาศาสตร์" ปรับปรุงโครงสร้างรัฐวิสาหกิจในเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจภาครัฐ โดยเฉพาะระยะ 3 ปีตั้งแต่ค.ศ.1998 จนถึงค.ศ.2000 กระบวนการปฏิรูปได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ สร้างความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีและยกระดับการผลิตให้รัฐวิสาหกิจทั้งหลาย

และช่วง"การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ"เริ่มตั้งแต่การประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 16 จัดขึ้น การปฏิรูประบบบริหารสินทรัพย์เพื่อกระตุ้นการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ เน้นแก้ไขปัญหาต่างๆที่มีมานาน เช่นรัฐบาลควบคุมบริหารรัฐวิสาหกิจ รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนให้รัฐวิสหากิจ หลายฝ่ายร่วมกันบริหารธุรกิจ หรือแม้แต่การไม่ปฏิบัติตามความรับผิดชอบ เป็นต้น การประชุมสมัชชาผู้แทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนทั่วประเทศครั้งที่ 16 มีมติ ให้ก่อตั้งระบบบริหารสินทรัพย์ของรัฐที่ให้รัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นแสดงบทบาทเป็นผู้ลงทุนแทนรัฐ ให้มีสิทธิประโยชน์ ภารหน้าที่และความรับผิดชอบพร้อมกัน เน้นการบริหารสินทรัพย์ควบคู่กับการบริหารบุคลากรและการบริหารธุรกิจ

ผลจากการดำเนินนโยบายปฏิรูปและพัฒนาประเทศในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาพิสูจน์ให้เห็นว่า การปฏิบัติตามกฎเกณฑ์การพัฒนาวิสาหกิจ ยึดมั่นในทิศทางการปฏิรูปเพื่อมุ่งสู่ตลาด ท่ามกลางสภาพแวดล้อมของเศรษฐกิจการตลาด ชาวจีนมีความสามารถเต็มที่ที่จะพัฒนาเศรษฐกิจภาครัฐให้เจริญรุ่งเรืองได้