เมื่อวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา กองทหารของไทยและกัมพูชาสู้รบกันอีกครั้งในเขตพรมแดปราสาทพระวิหารหลังจากเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมนี้เป็นต้นมา การปะทะครั้งนี้ทำให้ปัญหาขัดแย้งด้านพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นที่สนใจของประชาคมโลกอีกครั้ง
ฝ่ายทหารของไทยยืนยันว่า เมื่อบ่ายวันที่ 15 ที่ผ่านมา ทหารลาดตระเวนของไทยและกัมพูชาสู้รบกัน 2 ครั้งในบริเวณที่ห่างจากปราสาทพระวิหารประมาณ 5 กิโลเมตร สองฝ่ายสาดกระสุนปืนใหญ่ใส่ฝ่ายตรงข้าม เช่นเดียวกับครั้งที่แล้ว หลังการปะทะกันแล้ว สองฝ่ายต่างประณามว่า ฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายเริ่มยิงก่อน
จนถึงขณะนี้ ทั้งสองฝ่ายแจ้งสภาพการบาดเจ็บล้มตายไม่ตรงกัน ฝ่ายทหารไทยกล่าวว่า การปะทะทำให้ทหารไทย 7 นายได้รับบาดเจ็บ ทหารกัมพูชา 1 นายเสียชีวิต แต่นายฮอร์ นัมฮง รัฐมนตรีการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชากล่าวที่กรุงพนมเปญว่า การปะทะทำให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 1 นายและได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และฝ่ายกัมพูชาได้จับทหารไทย 10 นาย แต่ฝ่ายไทยยังไม่ได้ยืนยันข่าวดังกล่าว นายฮอร์ นัมฮงกล่าวว่า สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสั่งให้ปฏิบัติดีกับทหารไทย และจะปล่อยพวกเขาให้กลับประเทศไทยเมื่อได้รับการร้องขอจากฝ่ายไทย นอกจากนี้ ฝ่ายกัมพูชายังหวังว่า จะแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยสันติวิธี
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวเมื่อบ่ายวันที่ 15 นี้ว่า เขาเชื่อว่าเหตุการณ์สู้รบกันจะไม่ทำให้เกิดการปะทะรุนแรง สองฝ่ายสามารถแก้ไขปัญหาโดยใช้ความพยายามร่วมกัน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยเผยว่า วันเดียวกัน เขากับนายฮอร์ นัมฮงได้คุยกันทางโทรศัพท์เกี่ยวกับเหตุการณ์สู้รบ สองฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่า จะจัดการเจรจาแบบทวิภาคีเพื่อแก้ปัญหาพรมแดน
โฆษกกองทัพบกของไทยเผยว่า วันเดียวกัน พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดามีคำสั่งว่า ขณะตอบโต้ทหารกัมพูชานั้น กองทหารป้องกันพรมแดนของไทยต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการปะทะรุนแรงขึ้น เมื่อค่ำวันที่ 15 นี้ ผู้บัญชาการแม่ทัพภาคที่ 2 ของกองทัพบกไทยเผยว่า หลังการปะทะกันในวันเดียวกันแล้ว ผู้บัญชาการของสองฝ่ายได้จัดการเจรจากัน เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการสู้รบกันอีกครั้งในค่ำวันเดียวกัน วันที่ 16 ตุลาคมนี้ ผู้บัญชาการแม่ทัพภาคที่ 2 ของกองทัพบกไทยกับแม่ทัพภาคที่ 4 ของกัมพูชาจะจัดการปรึกษาหารือตามที่กำหนดไว้ เพื่อแก้ไขปัญหาและจะยื่นผลการปรึกษาหารือต่อการเจรจาระหว่างรัฐบาลสองประเทศที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 ตุลาคม
ทว่า ขณะที่สองฝ่ายแสดงว่ายินดีจะจัดการเจรจาสันติภาพนั้น ต่างก็เตรียมพร้อมที่จะสู้รบกัน ทำให้สถานการณ์ในพรมแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาที่อยู่ในสภาวะไม่ปกติมาหลายเดือนแล้วเป็นที่กังวลยิ่งขึ้น ตั้งแต่บ่ายวันที่ 15 ตุลาคมที่ผ่านมา สองประเทศต่างได้จัดส่งทหารและเพิ่มอาวุธหนัก เช่นปืนใหญ่ไปในบริเวณพรมแดน และประชาชนสองประเทศที่อยู่ในเขตปะทะกันก็พากันอพยพออกไป เนื่องจากประชาชนสองประเทศพากันอพยพสู่ประเทศตนหลังเกิดการสู้รบกัน ทำให้ด่านพรมแดนบางแห่งเกิดความวุ่นวาย
นักวิเคราะห์ของไทยเห็นว่า ระยะหลังนี้ ฝ่ายกัมพูชาหมายสร้างบรรยากาศตึงเครียดในเขตพรมแดนที่ขัดแย้งกันอยู่ ก็เพื่อจะยื่นปัญหานี้สู่สหประชาชาติ แต่คณะบุคคลที่ต่อต้านรัฐบาลของไทยกลับสงสัยว่า รัฐบาลมุ่งสร้างความตึงเครียดบริเวณชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา เพื่อบิดเบือนข่าวเกี่ยวกับพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร์ อดีตนายกรัฐมนตรีไทยขอลี้ภัยในอังกฤษ แต่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ปฏิเสธข่าวดังกล่าวอย่างเด็ดขาด
|