นายอู็ เจิ้ยนหมิน ทูตจีนที่มีชื่อเสียงได้อธิบายแนวคิด"โลกสมานฉันท์"ของนายหู จิ่นเทา ผู้นําจีนขณะกล่าวปาฐกถาครั้งหนึ่งว่า"มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผู้สื่อข่าวสัมภาษณ์ผม ถามผมว่าใช้ภาษาง่ายๆ อธิบายโลกสมานฉันท์ได้หรือไม่ ผมตอบว่า โลกสมานฉันท์ในสายตาชาวจีนก็คือประเทศจีนมีสภาพที่ดี และหวังว่าโลกมีสภาพที่ดี"
พร้อมๆกับจีนเริ่มดําเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศออกสู่ภายนอกตั้งแต่ปี 1978 เป็นต้นมา กิจการทางการทูตของจีนก็ได้ผ่านการปฏิรูปด้วยเช่นกัน จากการทูตแบบจิตสํานึกพัฒนาเป็นการทูตที่มุ่งสู่ความเป็นจริง จากการทูตเฉพาะฝ่ายเดียวพัฒนาเป็นการทูตหลากหลาย จากทฤษฎี"โลกที่สาม"พัฒนาเป็น"โลกสมานฉันท์" ในช่วง 30 ปีมานี้ สถานการณ์ระหว่างประเทศเปลี่ยนแปลงอย่างมาก กิจการทางการทูตจีนก้าวหน้าขึ้นและสามารถขจัดความยากลําบากมากมาย ประสบการณ์ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา สามารถสะท้อนให้เห็นถึงผลงานทางการทูตของจีนที่ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ
ในประวัติศาสตร์ทางการทูตจีน บันทึกว่า เมื่อทศวรรษที่ 1970 ขณะที่จีนพึ่งกลับเข้าเป็นสมาชิกสหประชาชาติ ยังไม่มีอิทธิพลในกิจการระหว่างประเทศ ช่วงเวลานั้น ภาคตะวันออกกับตะวันตกกําลังตกอยู่ในช่วงสงครามเย็น กิจการทางการทูตจีนก็ได้แต่ให้ความสําคัญกับค่ายสังคมนิยมและกลุ่มประเทศเอเซียแอฟริกาและลาตินอเมริกา มีส่วนร่วมในกิจการระหว่างประเทศค่อนข้างน้อย
เมื่อปี 1978 พรรคคอมมิวนิสต์จีนจัดการประชุมเต็มคณะของคณะกรรมการกลางชุดที่ 11 ครั้งที่ 3 ที่มีความหมายเชิงประวัติศาสตร์ เป็นช่วงเริ่มยุคสมัยแห่งการปฏิรูปและเปิดประเทศสู่ภายนอก
นายเติ้ง เสี่ยวผิง ผู้นําจีนได้เสนอข้ออนุมานที่โดดเด่นว่า สันติภาพและการพัฒนาเป็นสองประเด็นหลักของโลกในปัจจุบัน สงครามโลกไม่ใช่หลีกเลี่ยงไม่ได้และจะเกิดขึ้นโดยเร็ว ทฤษฎีดังกล่าวนี้ได้ปูพื้นฐานแก่การปรับปรุงนโยบายทางการทูตของจีนหลายประการ สําหรับเรื่องนี้ ศาสตรจารย์หวาง ฟันของสถาบันกิจการทางการทูตจีนวิเคราะห์ว่า
"การปฏิรูปและเปิดประเทศทําให้จีนตระหนักดีในลักษณ์พิเศษของยุคสมัยใหม่ คือสันติภาพและการพัฒนาทดแทนสงครามและการปฏิวัติ ภารกิจของกิจการทางการทูตจีนก็เปลี่ยนเป็นการใช้ความพยายามสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อสันติภาพและการพัฒนา กิจการทางการทูตจีนเอื้อต่อการปฏิรูปและเปิดประเทศ"
เนื่องจากความต้องการด้านการพัฒนาดังกล่าว ทําให้จีนเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อโลก และก็ได้เปลี่ยนวิธีการติดต่อกับโลก กิจการทางการทูตจีนเข้าสู่มิติใหม่
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 กิจการทางการทูตจีนมีลักษณะพิเศษใหม่เช่นกัน มีเนื้อหาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น มีขอบเขตกว้างขวางยิ่งขึ้น อย่างเช่น จีนติดตามการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ การประชาสัมพันธ์เชิงรุกเป็นหน้าที่สําคัญของกิจการทางการทูตยุคใหม่ ศาสตรจารย์หวาง ฟันกล่าวว่า
"ในกิจการระหว่างประเทศ จีนให้ความสําคัญแก่ภาพพจน์ของกิจการทางการทูต เน้นการใช้ความรู้ โดยได้รับชื่นชมจากประชาคมโลก โดยเฉพาะในงานกีฬาโอลิมปิกปักกิ่งที่เพิ่งสิ้นสุดลง เราประสบความสําเร็จที่ชาวโลกต่างยอมรับ ได้ส่งเสริมวัฒนธรรมจีน เผยแพร่แนวคิดสันติภาพและผลงานการปฏิรูปเปิดประเทศของจีน เพื่อทําให้ชาวโลกเข้าใจจีนมากยิ่งขึ้น "
|