ขณะทบทวนกระบวนการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา มีอยู่คำหนึ่งที่ต้องหยิบยกขึ้นมาพูด นั่นก็คือ "เขตเศรษฐกิจพิเศษ" ซึ่งเป็นเสมือนแปลงสาธิตการปฏิรูปและหน้าต่างแห่งการเปิดประเทศของจีน การจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน กล่าวได้ว่า หากไร้ซึ่ง "ทหารแนวหน้า" อย่างเขตเศรษฐกิจพิเศษแล้ว การปฏิรูปและเปิดประเทศของจีนก็จะไม่หยั่งรากลึกและขยายวงกว้างอย่างทุกวันนี้ การเจริญเติบโตของเขตเศรษฐกิจพิเศษ สะท้อนให้เห็นถึงหนทางแห่งการพัฒนาของจีน
ที่ท่านกำลังฟังอยู่นี้คือเพลง "นิทานแห่งวสันตฤดู" เนื้อร้องมีว่า "ปี 1979 นั้นเป็นวสันตฤดู มีผู้เฒ่าผู้หนึ่ง ขีดเขียนวงหนึ่งในบริเวณดินแดนทะเลจีนใต้......"
ผู้เฒ่าที่ว่าในเพลงนี้ ก็คือ นายเติ้ง เสี่ยวผิง หัวหน้าผู้ออกแบบการปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน วงที่ท่านขีดเขียนนั้น ก็คือ เขตเศรษฐกิจพิเศษอย่างเขตเซินเจิ้น
ก่อนหน้านั้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 1977 นายเติ้ง เสี่ยวผิงไปดูงานที่มณฑลกวางตุ้ง ท่านเพ่งเล็งเซินเจิ้นซึ่งเป็นหมู่บ้านประมงเล็กๆ ริมทะเล ปีนั้น รายได้เฉลี่ยต่อวันของเกษตรกรท้องถิ่นมีเพียง 1 หยวนเท่านั้น ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อวันของเกษตรกรฮ่องกงซึ่งอยู่อีกฟากฝั่งแม่น้ำกลับสูงกว่า 60 เหรียญฮ่องกง ฉะนั้น จึงต้องหาทางลดความเหลื่อมล้ำเช่นนี้ เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 1979 จีนมีมติจัดตั้งเขตส่งออกพิเศษที่เมืองเซินเจิ้น จูไห่ ซัวเถา และเซี่ยเหมิน ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "เขตเศรษฐกิจพิเศษ" ซึ่งครอบคลุมเนื้อหาสาระมากกว่า ปี 1988 มีการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษไหหลำขึ้นมาอีกแห่งหนึ่ง
ภายใต้แนวความคิดใหม่ยกเลิกแนวคิดเก่าๆ และประดิษฐ์คิดค้นอย่างกล้าหาญ ช่วง 30 ปีมานี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษได้ขยายบทบาทด้าน "ความรู้" "เทคโนโลยี" "การบริหาร" และ "นโยบายสู่ต่างประเทศ" รวม 4 ประการ ได้สร้าง "ประติมากรรมชิ้นแรก" ที่ส่งผลลุ่มลึกยาวไกลมาหลายต่อหลายครั้ง เช่น เซินเจิ้นเคาะไม้สัมปทานที่ดินไม้แรก และออกหุ้นใบแรก จูไห่เปิดโรงแรมระบบความร่วมมือจีน-ต่างประเทศแห่งแรก และเปิดโรงงานที่ใช้ทุนต่างชาติแห่งแรกในรูปแบบ "นำเข้าวัตถุดิบ ชิ้นส่วนอะไหล่และตัวอย่าง แล้วดำเนินการแปรรูปและประกอบติดตั้ง" เซี่ยเหมินก่อสร้างสนามบินด้วยทุนต่างชาติ และจัดตั้งธนาคารร่วมทุน ส่วนซัวเถาเปลี่ยนระบบการแต่งตั้งผู้บริหารมาเป็นระบบการว่าจ้าง ฯลฯ
ภายใต้แนวความคิดใหม่ที่กล้าประดิษฐ์คิดค้นนี้เอง ในช่วง 30 ปีให้หลัง เซินเจิ้นซึ่งเดิมเป็นเพียงตำบลชายแดนขนาดจิ๋วที่ยึดการค้าการแปรรูปได้พัฒนาขึ้นมาเป็นเมืองทันสมัยที่ GDP อยู่อันดับ 4 ของจีน เซี่ยเหมินพัฒนามาเป็นเมืองทันสมัยริมทะเลที่ชื่อก้องระดับโลกทั้งอุตสาหกรรม การค้าและการท่องเที่ยว ส่วนจูไห่ ซัวเถา และไหหลำก็ได้แผ้วถางประสบการณ์สู่ความสำเร็จมากมายสำหรับการเปิดประเทศของจีน
เข็มนาฬิกาหมุนมาถึงปี 2008 วิกฤติการเงินที่ลามไปทั่วโลกก็เข้ามาซัดกระหน่ำจีน อย่างไรก็ตาม เขตเศรษฐกิจพิเศษต่างๆ ของจีนมีความยืดหยุ่นมากกว่าที่อื่น เพราะเขตเหล่านี้ได้ลงมือปรับอุตสาหกรรมให้ทันสมัยขึ้นและส่งเสริมการประดิษฐ์คิดค้นไว้แต่เนิ่น จึงได้สิทธิ์เป็นฝ่ายกระทำที่จะรับมือกับวิกฤติการเงิน ทั้งนี้ทำให้วิสาหกิจจีนมองเห็นทิศทางการพัฒนาในอนาคต
นายหู จิ่นเทา ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่า การปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นทางเลือกที่สำคัญที่สุดที่ชี้ขาดชะตากรรมของจีนในยุคปัจจุบัน เป็นหนทางที่จำเป็นต้องผ่านในการพัฒนาสังคมนิยมที่มีเอกลักษณ์ของจีนและบรรลุซึ่งความเจริญรุ่งเรืองครั้งใหม่ที่ยิ่งใหญ่ของประชาชาติจีน
|