ทุกสิ่งทุกอย่างที่ปรากฏเป็นจริงขึ้นมานั้น เป็นผลโดยตรงจากการดำเนินนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศของจีน เพราะนโยบายนี้ส่งเสริมให้เศรษฐกิจจีนพัฒนาและสังคมจีนก้าวคืบหน้า

เริ่มจากกระบวนการปฏิรูปของจีนเริ่มต้นในเขตชนบท การดำเนินระบบรับเหมาผลิตภายในครอบครัว และการให้สิทธิเสรีภาพแก่เกษตรกรเพิ่มขึ้น ได้เปลี่ยนโฉมหน้าของชนบทจีน และประกันให้ผลผลิตการเกษตรในทุกๆด้านมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนจีนให้ตกเท่านั้น หากยังได้ขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรมส่วนภูมิภาค และได้สนับสนุนระบบเศรษฐกิจการตลาดอย่างเต็มที่ ต่อมา เขตเศรษฐกิจพิเศษปรากฏขึ้นบนดินแดนจีน เมืองท่าริมชายฝั่งทะเลของจีนหลายแห่งเปิดสู่ต่างประเทศด้วยค่อยๆขยายการปฏิรูปไปยังเขตเมืองที่มีความสลับซับซ้อนและความยากลำบากมากขึ้น ขณะที่ขั้นตอนสำคัญที่สุดของการปฏิรูประบบเศรษฐกิจคือส่งเสริมให้วิสาหกิจน้อยใหญ่มีความคึกคักมากขึ้น ภายหลังจีนเข้าเป็นสมาชิกองค์การค้าโลก ได้ปรับตัวเพื่อเข้าสู่ตลาดโลกให้ลงลึกยิ่งขึ้นท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ จีนต้องเรียนรู้ในอันที่จะสร้างความเหนือกว่า

การปฏิรูปและเปิดประเทศที่มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญอับดับแรกนั้น ได้สร้างผลสำเร็จอย่างใหญ่หลวงชนิดที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์จีน ตั้งแต่ค.ศ.1978 จนถึงค.ศ.2007 เศรษฐกิจจีนเติบโตในอัตรา 9% อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกถั่วเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ประมาณ 3% เท่านั้น มูลค่ารวมของเศรษฐกิจจีนก้าวกระโดดจากอันดับ 10 มาเป็นอันดับ 4 ของโลก รายได้การคลังของจีนเพิ่มขึ้นจากกว่า 110,000 ล้านหยวนเป็น 5,000,000 ล้านหยวน เศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง ได้ส่งเสริมให้สังคมจีนก้าวหน้าอย่างมาก หากเราไม่คำนึงราคาสินค้าและบริการ รายได้ส่วนที่ใช้จ่ายได้ของชาวเมืองของจีนโดยเฉลี่ย และรายได้สุทธิของเกษตรกรจีน ต่างเพิ่มขึ้น 6 เท่าขึ้นไป ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนจีน ซึ่งเมื่อก่อนให้ความสำคัญมากที่สุดกับปัญหา "อาหารและเครื่องนุ่งห่ม" เปลี่ยนทิศทางไปสู่การบริโภคที่หลากหลายระดับพุ่งความสนใจ ไปที่ "ที่อยู่อาศัยและการเดินทาง" ที่เน้นคุณภาพชีวิตด้วย พร้อมๆกับการพัฒนาเศรษฐกิจจีน ประชาชนจีนทุกคนได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงมากขึ้นทุกทีจากการปฏิรูปและเปิดประเทศ

นายตู้ ยิง รองผู้อำนวยการคณะกรรมการปฏิรูปและเปิดประเทศแห่งชาติจีนเคยกล่าวไว้ว่า ผลสำเร็จโดดเด่นที่สุดที่ได้มาจากการที่จีนดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศเป็นเวลา 30 ปีคือ เศรษฐกิจภาครัฐของจีนได้พัฒนาอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับคุณภาพชีวิตของประชาชนจีนมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายนที่ผ่านมา สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนประกาศรายงานว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา ยอดมูลค่า GDP ของจีนได้ครองอับดับที่ 4 ของโลกเป็นเวลา 3 ปีแล้ว ยอดมูลค่าการนำเข้าและส่งออกของจีนเลื่อนชั้นไปอยู่อันดับที่ 3 ของโลก ยอดการผลิตผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและผลิตผลการเกษตรที่ใช้ประจำและใช้บ่อยของจีนเพิ่มขึ้นจนครองอับดับแรกของโลก ขณะเดียวกัน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวในจีนก็มากกว่าหลายต่อหลายประเทศ ยอดการลงทุนจากต่างชาติและยอดเงินสำรองของจีนก็อยู่ระดับแนวหน้าของโลกด้วย จีนนับวันแสดงบทบาทสำคัญยิ่งขึ้นบนเวทีเศรษฐกิจโลก

รายงานฉบับนี้ระบุว่า พร้อมๆกับยอดมูลค่าเศรษฐกิจขยายตัวขนานใหญ่ รายได้ถัวเฉลี่ยของประชาชนจีน(GNI) ก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก จาก 190 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 1978 มาเป็น 2360 ดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2007 เพิ่มขึ้น 11 เท่า

สำนักงานสถิติแห่งชาติจีนระบุ จนถึงปี 2006 ดัชนีวัดคุณูปการที่เศรษฐกิจสร้างสำหรับเศรษฐกิจโลกขยายตัวถึง 14.5% มากเป็นอับดับที่ 2 ของโลก รองไปจากสหรัฐอเมริกาเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา จำนวนผู้ยากจนของจีนลดจาก 250 ล้านคนเหลือเพียง 14 ล้านคน อัตราปัญหาที่เกิดจากความยากจนลดลงจาก 30% เหลือ 1% เท่านั้น การที่ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดได้แก้ปัญหาขจัดความยากจนได้สำเร็จนั้น เป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ต่อภารกิจช่วยผู้ยากจนของโลก