เมื่อวันที่ 29 มีนาคม นายโรเบิร์ต เกตรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม สหรัฐนกล่าวต่อสื่อมวลชนว่า เกาหลีเหนือ "ดูเหมือนจะ" ยิงจรวด ลูกหนึ่ง เเต่สหรัฐฯ จะไม่ระดมกำลังสกัดกั้น เมื่อวันที่ 30 มีนาคม นายลี เมียงบัึค ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า เขาไม่เห็นด้วยกับการใช้ มาตรการทางการทหารเพื่อรับมือกับปฏิบัิติการของเกาหลีเหนือ ญี่ปุ่นระบุว่าเตรียมจะสกัดกั้นชิ้นส่วนที่อาจจะตกลงในดิน เเดนญี่ปุ่น สื่อมวลชนต่างสังเกตว่า ท่าทีต่างๆ ดังกล่าวไม่เหมือนกันกับท่าทีที่เเข็งกร้าวก่อนหน้านี้

นักวิเคราะห์ต่างเห็นว่า การที่เกาหลีเหนือเลือกยิงส่งดาวเทียมในเวลา นี้เพื่อเป้าหมายในสองด้าน หนึ่งคือเพิ่มเเรงกดดันต่อรัฐบาลของ นายลี เมียงบัค ทำให้เขาเปลี่ยนท่่าทีที่เเข็งกร้่าวต่อเกาหลีเหนือ สองคือส่งสัญญานเเก่รัฐบาลของนายโอบามาที่ให้ความสนใจต่อ ปัญหาวิกฤติการเงินเเละปัญหาอัฟกานิสถานตลอด เร่งให้สหรัฐฯ ให้ความสำคัญปัญหาเกาหลีเหนือก่อนสหรัฐฯกำหนดนโยบายที่มีต่อ เกาหลีเหนือ เพื่อได้ผลทางการเมืองเเละเศรษฐกิจ มากที่สุด ส่วนสหรัฐเเละญี่ปุ่นคัดค้านเกาหลีเหนือยิงส่งดาวเทียมเนื่องจาก เป็นห่วงว่าเกาหลีเหนือได้รับความก้าวหน้า่ด้านเทคนิคโดยผ่านการทดลองยิงส่งครั้งนี้ ซึ่งจะทำให้เกาหลีเหนือมี กำลังต่อรองมากขึ้นในการเจรจากับสหรัฐฯ เกาหลีใต้ยังกังวลว่าจะเเสดงบทบาทน้อยลงในการ เเก้ปัญหาเกาหลีเหนือ

ขณะเดียวกัน จีนกับรัสเซียเร่งให้ฝ่ายต่างๆ ยับยั้งชั่งใจในเหตุการ ดังกล่าว เมื่อวันที่ 26 มีนาคมนี้ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการ กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเรียกร้องประชาคมโลกอย่าเพิ่งมี ข้อสรุปเกี่ยวกับการยิงส่งดาวเทียมของเกาหลีเหนือ เมื่ือวันที่ 27 มีนาคมนี้ นายอาเลเซ โปโรดัฟคิน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การต่างประเทศรัสเซียก็ระบุว่า หวังว่าเกาหลีเหนือกับฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะยับยั้งชั่งใจ ปัญหาต่างๆ ควรได้รับการเเก้ไขโดยผ่าน การพูดคุยเจรจากัน เมื่อวันที่ 31 มีนาคมนี้ นายฉิน กัง โฆษกกระทรวง การต่างประเทศจีนเรียกร้องฝ่ายต่างๆ ยับยั้งชั่งใจเเละใช้ความสงบ เยือกเย็น ไม่ใช้ปฏิบัติการที่ทำให้สถานการณ์เลวร้่ายลง เขาหวังว่า ฝ่ายต่างๆ จะใช้ความพยายามเพื่อรักษาสันติภาพเเละ เสถียรภาพของคาบสมุทรเกาหลีเเละเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกันผลักดันการเจรจาหกฝ่าย