การเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 3 นับตั้งแต่อินโดนีเซียดำเนินการปฏิรูปประชาธิปไตยเมื่อปี 1998 เป็นต้นมา และเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังประธานาธิบดีคนปัจจุบันครบวาระ 5 ปี ชาวอินโดนีเซียผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งตามกฎหมายทั่วประเทศมีจำนวน 171 ล้านคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งตามหน่วยเลือกตั้งประมาณ 520,000 แห่ง พรรคการเมืองระดับประเทศ 38 พรรคและพรรคการเมืองท้องถิ่นในเขตพิเศษอาเจะห์ 6 พรรคเข้าชิงที่นั่งสมาชิกรัฐสภาและสมาชิกสภาระดับท้องถิ่น

ผลการนับคะแนนเสียงเบื้องต้นที่เปิดเผยออกมาแล้ว 90.85% ระบุว่า พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีซุซิโล บัมบัง ยูโดโยโน ได้รับคะแนนเสียง 20.32%  ตามมาด้วยพรรคโกลคาร์ ของรองประธานาธิบดียูเซฟ คัลลา 14.79% และพรรคพีดีไอ-พี ของอดีตประธานาธิบดีเมกาวาตี ซูการ์โนบุตรี 14.25% ตามกฎหมายของอินโดนีเซีย เมื่อพรรคการเมืองหรือพันธมิตรพรรคการเมืองใดได้รับคะแนนเสียง 25% หรือได้ที่นั่งในรัฐสภากว่า 20% จึงจะมีสิทธิ์เสนอรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดี ซึ่งปีนี้จะจัดขึ้นในวันที่ 8 กรกฎาคม หากผลการเลือกตั้งทั้งหมดไม่ต่างจากปัจจุบันมากนัก พรรคเดโมแครตพรรคเดียวก็จะสามารถเสนอชื่อนายซุซิโล บัมบัง ยูโดโยโน เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยได้ ไม่งั้นก็จะต้องจับมือกับพรรคการเมืองอื่นๆ

นายซุซิโล บัมบัง ยูโดโยโน เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 6 ของอินโดนีเซียเมื่อเดือนตุลาคม 2004 รัฐบาลของเขาได้รับผลคืบหน้าบางอย่างด้านการปฏิรูป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ปี 2008 ในการจัดอันดับดัชนีการปราบปรามคอร์รัปชันระดับโลกนั้น อินโดนีเซียได้เขยิบขึ้นมาอยู่อันดับ 126 จากเดิมอยู่อันดับ 143 ซึ่งแสดงว่า อินโดนีเซียได้รับความก้าวหน้าด้านการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น

นอกจากนี้ ในวาระ 5 ปีของรัฐบาลชุดซุซิโล สถานการณ์การเมืองของอินโดนีเซียซึ่งเคยปั่นป่วนมาเป็นเวลานานได้เริ่มก้าวสู่ภาวะมั่นคง เศรษฐกิจประชาชาติเติบโตปีละประมาณ 6% ประชาชนส่วนใหญ่มีความพึงพอใจต่อรัฐบาลชุดซุซิโลพอสมคร

อย่างไรก็ตาม เพื่อประกันให้ชนะการเลือกตั้ง พรรคการเมืองต่างๆ ของอินโดนีเซียเริ่มหารือแนวทางการจับมือเป็นพันธมิตรในระหว่างการเลือกตั้ง อย่างพรรคโกลคาร์กับพรรคพีดีไอ-พีได้ตกลงเป็นพันธมิตรกันตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม หากสองพรรคดังกล่าวจะจับมือกันจริง พรรคเดโมแครตปาร์ตีของประธานาธิบดีซุซิโลก็ต้องหันไปจับมือกับพรรคอื่นซึ่งเป็นพรรคเล็กกว่า เพื่อชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยต่อไป เพื่อเดินหน้าปฏิรูปและพัฒนาเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย