การประชุมสมัยวิสามัญระดับรัฐมนตรีสาธารณสุข 10 ประเทศอาเซียนบวก 3 (จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้) ณ กรุงเทพฯ เปิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประเด็นหลักของการประชุมครั้งนี้คือ เสริมสร้างงานป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 (H1N1) รัฐมนตรีสาธารณสุขหรือผู้แทนจาก 10 ประเทศอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ รวมทั้งเจ้าหน้าที่จากองค์การอนามัยโลก และองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ เป็นต้น ประมาณ 100 คนได้เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว นายเฉิน จู๋ รัฐมนตรีสาธารณสุขจีน ซึ่งไปร่วมประชุมดังกล่าวให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวซินหวาว่า รัฐบาลจีนเห็นความสำคัญของความร่วมมือภาครัฐในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคฯ ภายใต้กรอบอาเซียน-จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ (10+3) และหวังว่า จะเพิ่มการประสานงานด้านข้อมูลข่าวสารและความร่วมมือกับประเทศอาเซียนให้มากขึ้น
นายเฉิน จู๋กล่าวว่า การประชุมในครั้งนี้เปิดขึ้นในช่วงสำคัญที่สุดสำหรับการป้องกันและควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่ทั่วโลก และจะผ่านแถลงการณ์ร่วมด้วย ซึ่งแสดงให้เห็นว่า อาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มีความตั้งใจที่จะสามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ร่วมกันรับมือกับโรคระบาด จีนต้องการจะเพิ่มการประสานงานด้านข้อมูลข่าวสารกับประเทศอาเซียน ทั้งมาตรการสาธารณสุข การวินิจฉัยโรค การรักษาพยาบาล และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ รวมถึงทำความเข้าใจร่วมก้น
เขายังระบุว่า อาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ล้วนเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่น มีการไปมาหาสู่กันด้านบุคคลถี่ยิบ สิ่งอำนวยความสะดวกด้านสาธารณสุขในบางประเทศยังไม่สมบูรณ์พอ ส่วนสำรองผลิตภัณฑ์ยาต้านไวรัส การวิจัยและผลิตวัคซีน ตลอดจนกำลังการผลิตของแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกัน ฉะนั้น จึงต้องแบ่งปันข้อมูลข่าวสารและการใช้ทรัพยากรร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการจับมือกันป้องกันและควบคุมโรคระบาดในระดับภูมิภาค
รัฐมนตรีสาธารณสุขจีนเดินทางถึงกรุงเทพฯ เมื่อเช้าตรู่วันที่ 7 พฤศภาคม จากนั้นในเวลา 08.00 น.ของวันเดียวกัน ได้หารือแบบทวิภาคีกับนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีสาธารณสุขไทย ทั้งสองฝ่ายได้แจ้งสถานการณ์การป้องกันและควบคุมโรคระบาดให้ทราบกันและกัน โดยนายวิทยา แก้วภราดัยแจ้งว่า เริ่มตั้งแต่ปี 2007 เป็นต้นมา คลังสำรองผลิตภัณฑ์ยาส่วนกลางอาเซียน ซึ่งตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ มีการสำรองยาทามิฟลู (Tamiflu) ซึ่งเป็นยาต้านโรคไข้หวัดไว้ประมาณ 5 ล้านตัว และเสนอให้เปิดสายด่วนแลกเปลี่ยนข้อมูลการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ รัฐมนตรีสาธาณสุขจีนให้ความเห็นชอบต่อมาตรการดังกล่าว และระบุว่า ช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส (SARS) และไข้หวัดนกนั้น จีนก็เคยจัดตั้งกลไกการใช้ข้อมูลข่าวสารร่วมกันกับประเทศและเขตแคว้นที่เกี่ยวข้องมาแล้ว เชื่อมั่นว่า การประชุมฯ ในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยให้กลไกดังกล่าวมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น สร้างหลักประกันให้ประเทศที่ร่วมประชุมได้รับข้อมูลข่าวสารในเวลาอันดับแรก
นายเฉิน จู๋ยังระบุว่า รัฐบาลจีนเห็นว่า มีความจำเป็นจะเพิ่มการกักกันโรคในระหว่างการตรวจคนเข้าเมือง และใช้มาตรการติดตามด้านการแพทย์ที่จำเป็นสำหรับผู้ที่เดินทางมาจากประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่อย่างรุนแรง ซึ่งเป็นไปตามกฎข้อบังคับด้านสาธารณสุขสากลและกฎหมายที่เกี่ยวข้องของจีน และทำตามหลักเหตุผลด้านการป้องกันและควบคุมโรค ตลอดจนเป็นการรับผิดชอบต่อสุขภาพของประชาชน
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า รัฐบาลจีนยินดีที่จะร่วมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกและองค์การอนามัยโลก เพื่อป้องกัน ควบคุมและรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในครั้งนี้อย่างมีประสิทธิภาพ
|