แม้ว่า วงการต่างๆ จะได้ใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถก็ยังค้นหาพ่อแม่ของชิง ฟาง หรุ่ยไม่พบ ตามข้อกำหนดของกระทรวงกิจการพลเรือนจีนระบุว่า เด็กกำพร้าจากแผ่นดินไหวจะได้รับค่าครองชีพเดือนละ 600 หยวน และหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่นยังให้เงินช่วยเหลืออีกต่างหาก นอกจากนี้ นักบุญผู้ใจดีในสังคมก็ได้บริจาคสมทบเป็นประจำ ดังนั้น ขณะนี้ ชิง ฟาง หรุ่ยจึงไม่มีปัญหาด้านการใช้จ่าย
แต่ว่า การรักษาแผลทางใจไม่ใช่ง่ายๆ ดังนั้น ครู เพื่อนนักเรียนและญาติพี่น้องต่างพากันให้ความอบอุ่นเสมอ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยว ครูอู่ เสี่ยว เสียเล่าว่า
"วันอาทิตย์ถึงวันศุกร์ เธอจะกินนอนด้วยกันกับเพื่อนนักเรียนตลอด วันเสาร์จะมีผู้ปกครองของเพื่อนมารับเธอไปด้วย ส่วนลุงของเธอก็จะมารับเธอไปเดือนละครั้ง รู้สึกเทอมนี้ เธออารมณ์ดีขึ้น เริ่มพูดคุยมากขึ้น"
ชิง ฟาง หรุ่ยเป็นเด็กเฉลียวฉลาด ผลการเรียนก็ดี เมื่อผ่านพ้นความเศร้าโศกและความมืดมนที่สุดในชีวิต เธอเริ่มฉายแววความสามารถในด้านต่างๆ เมื่อเร็วๆ นี้ ในการแข่งขันเรียงความภาษาอังกฤษระดับชาติ ชิง ฟาง หรุ่ยได้รับรางวัลที่หนึ่ง เธอเขียนถึงแผ่นดินไหว 12 พฤษภาคมปีที่แล้วว่า "ตัวเองได้เข้มแข็งขึ้นจากความโศกเศร้า และมีความมั่นใจเผชิญหน้ากับยากลำบากทุกอย่าง เชื่อว่าจะสามารถพึ่งพาตนเองและสร้างอนาคตอันดีงามได้"
ปัจจุบันนี้ ชิง ฟาง หรุ่ยได้ก้าวออกมาจากเงามืดของความโศกเศร้า เธอรู้สึกว่า ชีวิตในโรงเรียนแต่ละวันผ่านพ้นไปอย่างมีความหมาย ตารางการเรียนของเธอมีความหลากหลาย ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภูมิศาสตร์ เปียโน เธอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า เธอจะมุ่งมั่นในความใฝ่ฝันและอุดมการณ์อย่างไม่คลอดแคลน
"ฉันมีเป้าหมายมากมาย ทั้งอยากเป็นแพทย์ และอยากทำการวิจัยแผ่นดินไหว วิจัยการพยากรณ์เวลาเกิดแผ่นดินไหว เพื่อลดความเสียหายจากแผ่นดินไหวให้มีน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้"
เท่าที่ทราบ เหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อปีที่แล้วได้ทำให้มีเด็กกำพร้า 650 คน ในจำนวนนี้ 630 คนอยู่ในบ้านสงเคราะห์เด็กหรืออยู่ในโรงเรียน เหมือนเด็กหญิงชิง ฟาง หรุ่ย พวกเขาล้วนได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาลและบุคคลผู้มีใจเมตตาในสังคมและทุกคนต่างก็กำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่กันแล้ว 1 2
|