เช้าวันที่ 11 มิถุนายนนี้ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีต่างประเทศไทยที่อยู่ระหว่างการเยือนประเทศจีนได้จัดงานแถลงข่าวที่เรือนรับรองเตี้ยวหยูว์ถัยกรุงปักกิ่ง เพื่อระบุถึงวัตถุประสงค์ของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยที่จะเดินทางเยือนประเทศจีนระหว่างวันที่ 24-27 มิถุนายนนี้ว่า

ในขณะนี้ และต่อไปอีกหลายๆ สัปดาห์ข้างหน้านี้ เรากำลังส่งเสริมผลไม้ไทยทั่วประเทศจีน เราต้องการเปิดจุดที่นำเข้าที่่ท่าเรือแห่งใหม่ด้วย ก็จะมีระบบนำเข้าผลไม้สดให้ถูกต้องกับสูตรลักษณะและมีความปลอดภัย และก็มีข้อเสนอที่จะขายข้าว มันสำปะหลังและยางพารา ซึ่งได้มีการหารือเป็นระยะๆ มาก่อนนี้แล้ว น่าจะหาข้อยุติช่วงที่ท่านนายกฯอภิสิทธิ์มาที่เมืองจีนได้ สองก็คือการยืนยันในเรื่องที่ไปเที่ยวประเทศไทยซึ่งจะจัดสัมมนากับบริษัทท่องเที่ยวกว่าร้อยบริษัท ท่านนายกฯก็จะคุยกับนักธุรกิจจีนเกือบ 500 คน ทั้งที่ปักกิ่งและที่กวางโจวอีกหลายร้อยกว่าคน ซึ่งในโอกาสนี้ เราก็จะบอกกับนักธุรกิจ นักอุตสาหกรรมของจีนว่า ลู่ทางที่จะไปลงทุนไปขายสินค้าทางด้านอุตสาหกรรมและทางด้านโครงสร้างพื้นฐานมีอะไรบ้าง อันที่สามก็คือมายืนยันความพร้อมในประเทศไทยที่รองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศจีน สถิติการลดลงของการท่องเที่ยวของโลกประมาณ 20% สถิติการลดของนักท่องเที่ยวในประเทศไทยก็อยู่ในประมาณ 20% เหมือนกับหัวเฉลี่ยของสถิติของโลก เป็นเรื่องสภาพความเป็นจริงที่เราต้องรับรองเป็นจริงลดลงอย่างแน่นอน นอกนั้นโลกยังมีปัญหาในเรื่องไข้หวัดนกและไข้หวัดนกเม็กซิโก เรามีปัญหาเรื่องการเมืองภายในพอสมควรในช่วงสองปีที่ผ่านมา ก็มีตัวช่วยก็คือค่าน้ำมันถูกลง จากร้อยกว่าเหลือประมาณสัก 60 กว่าต่อบาร์เรล ในสภาพการแบบนี้ เราก็จะมีมาตรการแก้สถานการณ์สองสามมาตรการด้วยกัน เช่นลดค่าที่จอดเครื่องบิน ไม่เก็บค่าวีซ่ามาเป็นเวลาสามเดือนและจะต่ออีกสามเดือน ให้คล้ายๆ กับกองทุนดอกเบี้ยต่ำให้กับผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยว มีงบประมาณเฉพาะในการเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็นไปของประเทศไทย ซึ่งก้อนนี้ประมาณสามร้อยกว่าล้าน กระทรวงการต่างประเทศได้รับมอบจากรัฐบาลให้เป็นผู้ประสานงานในการจัดใช้ เราก็ทำโบรโชว์ที่ญี่ปุ่นแล้วเมื่อสามเดือนที่แล้ว จะทำใหญ่ๆ อีกที่ตอนที่ท่านนายกฯมาที่นี่ และจะทำีที่อินเดียที่รัสเซีย อีกหนึ่งประเทศในยุโรปและตะวันออกกลาง ในขณะเดียวกันที่เรียกว่าแฟนทาเมนโท คือสิ่งที่น่าดึงดูดส่วนดีของสังคมไทยเกี่ยวกับการท่องเที่ยวนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ยังดีอยู่ และมีการปรับปรุงเรื่องการบริการการอำนวยความสะดวก ความปลอดภัย ที่จะร่วมมือกับรัฐบาลจีนอย่างแข็งขัน ก็คือที่จะขจัดประเด็นปัญหา การหลอกลวงนักท่องเที่ยวจีนที่เรียกว่าทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งเมื่อวานก็ได้ยกเลิก ได้คุยกับรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนแล้ว อยากจะขอเรียนประชาชนจีนด้วย มาเมืองไทยก็จะปลอดภัยสนุกสนาน ไม่มีปัญหาอันใด ก็จะมีการลงนามในทานด้านความร่วมมือทางด้านการศึกษา ต่อเนื่องในองค์กรวิจัยด้วย อีกเรื่องหนึ่งก็คือการเร่งรัดให้อาเซียนให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลงจีนกับอาเซียนทางด้านเขตการค้าเสรี ขนานที่ประเทศจีนอยู่ในฐานะที่ดีที่สุด ในร่วมลงทุนได้คงจะลงทุนในทางรถไฟของประเทศไทย ซึ่งจีนมีความเช่นกันเป็นอย่างสูง อีกอันหนึ่งก็คงจะให้หารือและคงจะได้ข้อยุติในการใช้ประโยชน์จากข้อเสนอของจีนที่จะให้ credit card เอกชนหรือรัฐบาล มูลค่ากว่า15400 ล้านเหรียญสหรัฐ ทั้งหมดก็คือว่า เมื่อท่านนายกฯมาแล้ว หลังจากนั้นต้องทำงานอย่างจริงๆ จังๆ ในแขนงสาขาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง จุดที่เราจะทบทวรความคืบหน้าหลังจากท่านนายกฯมาที่นี่แล้วกลับมาเมืองไทยได้ก็คือจะอยู่ในกรอบของคณะกรรมธิการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่้งรัฐมนตรีต่างประเทศเป็นประธาน และคิดว่าคงจะพบกันได้ในปลายปีนี้ ก่อนหน้านั้น ทางรัฐมนตรีต่างประเทศกับผมจะพบกันที่ภูเกตเช่นกัน ในปลายเดือนกรกฎาคมในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศคู่เจรจา