เขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเกียงเป็นพื้นที่ที่มีประชาชนชนชาติต่างๆ รวม 13 ชนชาติอาศัยอยู่ ในช่วงที่ผ่านมา ทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ ช่วยเหลือกันและกัน เป็นมิตรต่อกันดุจสมาชิกในครอบครัวเดียวกัน ในหน่วยงาน และเขตชุมชนทุกแห่งในเขตปกครองตนเองซินเกียง ล้วนมีแต่สภาพแห่งความสามัคคีกันทางชนชาติ ในรายการชนชาติส่วนน้อยจีนวันนี้ ผมจะพาท่านผู้ฟังไปที่มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ซินเกียง ซึ่งเป็นแหล่งที่สะท้อนให้เห็นถึงสภาพความช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และเป็นมิตรต่อกันระหว่างนักศึกษาชนชาติต่างๆ
ท่านผู้ฟังครับ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ซินเกียงตั้งอยู่ใจกลางเมืองอุรุมชี เมืองเอกของเขตปกครองตนเองซินเกียง มีนักศึกษารวมกว่า 13000 คน ในจำนวนนี้ นักศึกษาชาวชนชาติส่วนน้อยเป็นครึ่งหนึ่งของนักศึกษาทั้งหมด ช่วงเกิดเหตุจลาจลที่เมืองอุรุมชีเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม มหาวิทยาลัยแห่งนี้มิได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อเร็วๆ นี้ ผู้สื่อข่าวสถานีวิทยุซีอาร์ไอได้ไปทำข่าวที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ เห็นสภาพภายในมหาวิทยาลัยมีแต่ความสงบเรียบร้อย นักศึกษาและครูบาอาจารย์อยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ดุจเป็นครอบครัวใหญ่ที่มีความกลมกลืน เมื่อกล่าวถึงเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคมนั้น นายอวี้ซู่ผู่เจีย นักศึกษาคณะนิติเวชศาสตร์ชาวอุยกูร์ วัย 21 ปี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า
ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายเช่นนี้ที่ซินเกียงมาก่อนเลย อย่างไรก็ตาม ภายหลังเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ มหาวิทยาลัยเรายังคงมีความสงบเรียบร้อยเช่นเดิม โดยนักศึกษาและอาจารย์ได้ทำการเรียนการสอนเป็นปกติ เพื่อเตรียมการสอบก่อนปิดเทอม
นายหม่าเลี่ยง นักศึกษาชาวซินเกียงแท้ๆ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์จลาจล 5 กรกฎาคมก่อขึ้นโดยกลุ่มอิทธิพลแบ่งแยกดินแดนที่นำโดยนางเร่อบี่ย่า และมีชาวบ้านที่ถูกยุยงกลุ่มหนึ่งไปเข้าร่วม คนกลุ่มนี้ไม่สามารถเป็นตัวแทนของสังคมซินเกียงได้ เขากล่าวว่า
"ไม่ควรมองว่า เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นจากความขัดแย้งทางชนชาติในเขตปกครองตนเองอุยกูร์ซินเกียง ผมเห็นว่า ที่นี่มีความมั่นคงมาก ชาวซินเกียงมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ผมรักบ้านเกิดของผม รักซินเกียงซึ่งเป็นดินแดนที่มีความสงบสุข ปู่ ย่า ตา ยายและพ่อแม่ของผมล้วนดำรงชีวิตในผืนแผ่นดินนี้ นักศึกษาและอาจารย์ชนชาติต่างๆ ในมหาวิทยาลัยของเรามีความสามัคคีกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ "
นายหม่าเลี่ยงและนายอวี้ซู่ผู่เจียงพักอยู่ในอาคารเดียวกัน ถึงแม้ว่าเขาสองคนเป็นคนต่างชนชาติกันก็ตาม แต่มีความสนิทสนมกันมาก นายอวี้ซู่ผู่เจียงกล่าวว่า
" เราสนิทสนมกันมากดุจพี่น้องกัน นักศึกษาชนชาติต่างๆ ในมหาวิทยาลัยของเราทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันอยู่เสมอ"
ส่วนนายหม่าเลี่ยงกล่าวว่า
" เวลาร่วมทำกิจกรรม เรารู้สึกมีความสนุกสนานและมีความสุขมาก เรารักกัน และช่วยเหลือกันและกัน "
1 2
|