เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มเยือนไทย และเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศคู่เจรจาและการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิกที่ภูเก็ต และจะลงนามใน"สนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือมิตรภาพของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้" นักวิเคราะห์เห็นว่า การเยือนไทยของนางฮิลลารีครั้งนี้มีวัตถุประสงค์กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนให้ใกล้ชิดยิ่งขึ้น เพิ่มอิทธิพลของสหรัฐฯ ในเขตนี้

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางฮิลลารีเสร็จสิ้นการเยือนอินเดียแล้วเดินทางโดยเครื่องบินไปยังกรุงเทพฯ บ่ายวันเดียวกัน นายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทยกับนางฮิลลารี คลินตันพบปะเจรจากันที่ทําเนียบรัฐบาล ทั้งสองฝ่ายแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศที่ต่างก็สนใจ ซึ่งรวมทั้งการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี สหรัฐฯ มีส่วนร่วมในการส่งเสริมเสถียรภาพและความมั่นคงของเขตเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ปัญหาพม่า การค้ามนุษย์ ปัญหาสิ่งแวดล้อม เป็นต้น นางฮิลลารีกล่าวว่า สหรัฐฯ ยินดีเสริมความสัมพันธ์ความร่วมมือฉันมิตรกับไทยให้มากยิ่งขึ้น

วันที่ 22 กรกฎาคม นางฮิลลารีเดินทางไปภูเก็ต เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับสหรัฐฯ และจะเข้าร่วมการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิกที่จะจัดขึ้นในวันที่ 23 กรกฎาคม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่นางฮิลลารีเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหลังจากดํารงตําแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เป็นต้นมา

ตามวาระการประชุม ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับสหรัฐฯ นางฮิลลารีจะลงนามใน"สนธิสัญญาว่าด้วยความร่วมมือมิตรภาพของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้" ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ประกาศแถลงการณ์ร่วมเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคมที่ผ่านมา โดยแสดงความยินดีที่สหรัฐฯ จะเข้าร่วมสนธิสัญญาดังกล่าวนี้ เห็นว่าการกระทําเช่นนี้ของสหรัฐฯ จะส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคงของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

การที่สหรัฐฯ เข้าร่วมสนธิสัญญาฉบับนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณแสดงว่าสหรัฐฯ ได้กลับคืนสู่เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ นักวิเคราะห์เห็นว่า หลังจากรัฐบาลโอบามาปกครองประเทศเป็นต้นมา รู้สึกถึงความจําเป็นที่จะต้องเสริมสร้างอิทธิพลของสหรัฐฯ ในเอเซีย ขณะเดียวกัน ก็เห็นว่าการควํ่าบาตรทางเศรษฐกิจพม่าเป็นเวลาหลายปีแต่ไม่สามารถเปลี่ยนสภาพปัจจุบันของพม่าได้ ฉะนั้น เมื่อรัฐบาลโอบามาปกครองประเทศเป็นเวลาเพียงหนึ่งเดือนก็ประกาศนโยบายเอเซียใหม่ ซึ่งรวมทั้งการปรับปรุงนโยบายต่ออาเซียนด้วย นักวิเคราะห์กล่าวว่า สหรัฐฯ เข้าร่วมเวทีอาเซียน เป็นผลดีในการ"รับมือ"กับพม่ากับเกาหลีเหนือ ขณะเดียวกันจะยับยั้งอิทธิพลที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องในเขตนี้ของมหาประเทศอื่นด้วย

ช่วงจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศคู่เจรจาและการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก นางฮิลลารีจะจัดการเจรจากับรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ จีน ญี่ปุ่น และรัสเซียตามลําดับ ประเทศดังกล่าวนี้ล้วนแสดงบทบาทสําคัญในปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่เกาหลีเหนือก็จะส่งผู้แทนเข้าร่วมประชุมที่จัดขึ้นที่ภูเก็ตด้วย ประชาคมโลกหวังว่าการเจรจา 6 ฝ่ายเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีที่ชะงักไปกว่าปีจะจัดขึ้นใหม่ได้

เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางฮิลลารีกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเทพฯ ว่า เกาหลีเหนือยังมีโอกาสกลับคืนสู่การเจรจา 6 ฝ่ายได้ แต่เกาหลีเหนือต้องการแสดงความจริงใจพอสมควร และเห็นด้วยที่จะให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ หากเกาหลีเหนือแสดงเจตนาดังกล่าวนี้ออกมาก สหรัฐฯ พร้อมที่จะเจรจากับเกาหลีเหนือเสมอ ขณะเดียวกันนางฮิลลารีกล่าวว่า รัฐบาลโอบามาเป็นห่วงว่าเกาหลีเหนือกับพม่ากําลังพัฒนาความสัมพันธ์ทางทหาร ซึ่งจะทําลายความมั่นคงของภูมิภาคนี้ คุกคามความมั่นคงของประเทศเพื่อนบ้านของพม่า นางฮิลลารีเน้นว่า นายบารัค โอบามาประธานาธิดีสหรัฐฯ จะเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักกฎหมายสากล

(Qi/zheng)