วันที่ 19-23 กรกฎาคมที่ผ่านมา มีการจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนครั้งที่ 42 การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนกับรัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศคู่เจรจาและการประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิกครั้งที่ 16 ที่จังหวัดภูเก็ต ปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีกลายเป็นประเด็นร้อนของการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมพากันเร่งรัดให้เกาหลีเหนือกลับคืนสู่โต๊ะเจรจาใหม่ ใช้วิธีการเจรจาทางการทูตส่งเสริมการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี

นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ดําเนินการไกล่เกลี่ยทางการทูตเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีและกดดันเกาหลีเหนืออย่างเปิดเผยขณะเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ เมื่อคืนวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางฮิลลารีกล่าวในการแถลงข่าวว่า เกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี สหรัฐฯ ได้รับการสนับสนุนจากจีน รัสเซีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้แล้ว

บ่ายวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางฮิลลารีแถลงข่าวอีกครั้ง เธอกล่าวว่า มติหมายเลข 1874 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเป็นเครื่องมือที่จะใช้ยับยั้งเกาหลีเหนือไม่ให้พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ปัจจุบันมติฉบับนี้ได้ถูกนํามาปฏิบัติแล้ว เธอกล่าวว่า

"เกาหลีเหนือไม่ละทิ้งอาวุธนิวเคลียร์มีผลกระทบรุนแรงต่อสถานการณ์ความมั่นคงของเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือ อาจจะทําให้เกิดการแข่งขันกําลังรบส่วนภูมิภาค ทําลายผลประโยชน์ของประเทศต่างๆ หากมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติสามารถนํามาปฏิบัติได้สําเร็จ นอกจากส่งผลกระทบต่อเกาหลีแล้ว ยังจะทําให้อิหร่านซึ่งเป็นประเทศที่มีความทะเยอทะยานต่ออาวุธนิวเคลียร์มองเห็นว่าประชาคมโลกเอาจริงกับการควํ่าบาตรพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนกติกาสัญญาสากล"

เกาหลีเหนือในฐานะประเทศที่เข้าร่วมประุชุมว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเซีย-แปซิฟิก ได้ส่งเอกอัครราชทูตที่ไม่ประจํานําคณะเข้าร่วมประชุมระดับรัฐมนตรีี่ภูเก็ต เมื่อเผชิญกับแรงกดดันอย่างแรงจากสหรัฐฯ นายรี ฮวง ซิค(Ri Hung-Sik)โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือกล่าวที่ภูเก็ตว่า

"การเจรจา 6 ฝ่ายได้สิ้นสุดลง สหรัฐฯ ได้ใช้นโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อเกาหลีเหนือตลอดเวลา ถ้าสหรัฐฯ ไม่เปลี่ยนนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือจะไม่กลับคืนสู่การเจรจา 6 ฝ่าย เราเห็นว่าข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่ให้เกาหลีเหนือหยุดการทดลองนิวเคลียร์นั้น ไม่มีความหมาย เพราะว่าวิกฤตในปัจจุบันมาจากนโยบายเป็นปฏิปักษ์ต่อเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ หากสหรัฐฯ ยกเลิกนโยบายดังกล่าวนี้ ประกันสิทธิความเป็นตัวของตัวเองและความมั่นคงของเกาหลีเหนือ เกาหลีเหนือจึงจะยอมรับความคิดเห็นของนางฮิลลารีได้"

เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายหยาง เจี๋ยฉือ รัฐมนตรีต่างประเทศจีนให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า

"จีนมีจุดยืนเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ เราพยายามให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดนิวเคลียร์ ต่อต้านการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ เราพยายามมุ่งให้มีสันติภาพและความมั่นคงบนคาบสมุทรเกาหลีและเขตเอเซียตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหานิวเคลียร์ควรแก้ไขด้วยการเจรจาทางการทูตอย่างสันติ ฉะนั้น ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต้องรักษาการติิดต่ออย่างใกล้ชิด จีนจะใช้ความพยายามเท่าที่จะทําได้ต่อไป ถ้าการเจรจา 6 ฝ่ายจัดขึ้นใหม่จะเป็นผลดีต่อฝ่ายต่างๆ เราจําเป็นต้องส่งเสริมกระบวนการปลอดนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี"

นายวิทวัส ศรีวิหค อธิบดีกรมอาเซียนกระทรวงการต่างประเทศไทยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวว่า"ก็โดยพื้นฐาน เราก็อยากจะเห็นเกาหลีเหนือกลับเข้ามาสู่วงเจรจา ก็คือ 6 ฝ่าย สอง ในข้อญัตติทั้งหลาย ซึ่งสหประชาชาติได้ให้การรับรองไว้แล้วไม่ว่าจะในกรอบของคณะมนตรีความมั่นคง หรือที่อื่นก็ตาม ในสมัชชาก็ดี ก็อยากจะเห็นมีการดําเนินการตาม รวมทั้งอยากจะเห็นเกาหลีเหนือได้มีการปฏิสัมพันธ์กับประเทศภายนอกได้อย่างสร้างสรรค์ อย่าไปโดดเดี่ยวตัวเอง หรือว่าคิดว่าทุกคนที่มามองปัญหานี้แล้วเป็นภัยคุกคามของตัวเอง อันนี้ก็เป็นท่าทีซึ่งอาเซียนอยากจะเห็นทุกคนใช้วิธีโดยสันติ ใช้การเจรจาหารือกัน ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยเกาหลีเหนือ ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ว่าจะมาสร้างคะแนนทางการเมืองระหว่างประเทศ หรือว่ามาร่วมกินโต๊ะแต่อย่างใด อันนี้คือบรรยากาศโดยทั่วไปที่เกิดขึ้น"

(Qi/zheng)