ระหว่างวันที่ 6-7 สิงหาคมที่ผ่านมา การประชุมอภิปรายความร่วมมือเขตเศรษฐกิจแพน-อ่าวเป่ยปู้ของจีนประจำปี 2009 จัดขึ้นที่เมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองชนชาติจ้วงกวางสี ทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โดยประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมฯนี้เป็นครั้งแรก นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ไทยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียน และความร่วมมือระหว่างจีนกับไทย โดยเฉพาะอนาคตความร่วมมือระหว่างไทยกับอ่าวเป่ยปู้ว่า
"แพน-เป่ยปู้เป็นเวทีของความร่วมมือระหว่างประเทศอาเซียนกับประเทศจีนที่จะมีความสำคัญในอนาคต โดยจะสามารถเป็นฐานสำคัญในการสร้างมูลค่าการค้า การลงทุน และส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างประเทศจีนกับอาเซียนโดยส่วนรวม นอกจากนั้น ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานหมุนเวียนประเทศอาเซียน มีความรับผิดชอบร่วมกับประเทศจีนที่จะต้องทำให้เขตการค้าเสรีอาเซียนกับจีน ซึ่งจะเริ่มต้นในปีหน้านั้น สามารถสร้างประโยชน์ให้เกิดกับทั้งจีนและอาเซียน ประเทศไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนแพน-เป่ยปู้อย่างเต็มที่ในทุกสาขา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของด้านโลจิสติกส์ การท่องเที่ยว พลังงาน การเกษตร การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และอื่นๆ
ความร่วมมืออ่าวเป่ยปู้เป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้เราแปลวิกฤตเป็นโอกาส ซึ่งเชื่อว่าเศรษฐกิจของเอเชียจะมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกมากกว่าในอดีต และกุญแจสำคัญก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับอาเซียน ซึ่งจะเป็นเขตเศรษฐกิจที่จะมีประชากรมากที่สุดในโลก และมีขนาดของเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ดังนั้น เราจะแปลวิกฤตเป็นโอกาสในการสร้างเขตเศรษฐกิจใหม่ที่รุ่งเรืองร่วมกันระหว่างจีนกับอาเซียน ซึ่งความร่วมมืออ่าวเป่ยปู้จะเป็นเหมือนเครื่องยนต์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนวัตถุประสงค์ดังกล่าว
ประเทศไทยตั้งอยู่ใกล้กับประเทศจีนทางตอนใต้ และให้ความสำคัญต่อเรื่องการค้า การท่องเที่ยว และการลงทุน เพราะฉะนั้น บริเวณอ่าวเป่ยปู้จะเป็นจุดยุทธศาสตร์ของโลจิสติกส์ทางทะเล ที่เราจะเชื่อมนโยบายที่เรียกว่า 2 พอร์ต 1 ฮาว(2 ท่าเรือ 1 เส้นทาง) ก็คือ การเชื่อมระหว่างท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบังและท่าเรือกรุงเทพฯ มาสู่ท่าเรือที่สำคัญในอ่าวเป่ยปู้ ซึ่งจะทำให้รุนระยะทางได้สั้นที่สุด และจะทำให้สามารถเปิดเส้นทางการค้าใหม่กับกวางสี กวางตุ้ง ไหหลำ และประเทศไทย เพราะว่าต้นทุนโลจิสติกส์จะสามารถลดลงมาได้ ซึ่งเดือนนี้กระทรวงพาณิชย์จะจัดคาราวานนักธุรกิจเดินทางจากประเทศไทยมาที่เมืองผิงเสียง และที่เมืองหนานหนิง เพื่อที่จะสำรวจเส้นทางA12 ซึ่งเป็นเส้นทางหนึ่งที่จะมาเชื่อมความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเขตเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้กับประเทศไทย และรวมทั้งข้อเรียกร้องที่ผมขอให้ทางการกวางสีได้พิจารณาในการเปิดเที่ยวบินตรงระหว่างหนานหนิงกับกรุงเทพฯ
ผมเห็นด้วยกับที่ท่านนายกรัฐมนตรีจีนที่ได้พูดถึงระเบียงเศรษฐกิจใหม่ ซึ่งประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางระหว่างเขตเศรษฐกิจเป่ยปู้กับสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นกรอบในจิเอ็มเอส(GMS-โครงการพัฒนาความร่วมมือทางเศรษฐกิจในภูมิภาคลุ่มแม่โขง) หรือว่าในกรอบของอ่าวเป่ยปู้ ดังนั้น ประเทศไทยก็จะให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ในนโยบายดังกล่าว เราได้ให้การท่าเรือแห่งประเทศไทยมาร่วมในกลุ่มเชี่ยวชาญ เพื่อที่จะตกลงกันในละเอียดเกี่ยวกับการเดินเรือระหว่างกรุงเทพฯ แหลมฉบัง มาสู่ท่าเรือที่อ่าวเป่ยปู้ ซึ่งมีความคืบหน้าอย่างมาก รวมไปถึงการที่ให้บริษัทเดินเรือเห็นถึงสัญญาและนโยบายในการที่จะเปิดเส้นทางเดินเรือมาสู่อ่าวเป่ยปู้ เพราะว่าการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีนนั้น ตามที่ได้ตกลงเซ็นสัญญาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา อีดีบีอีทีซี(EDBETCข้อตกลงการขยายความร่วมมือทวิภาคีทางเศรษฐกิจและการค้าในเชิงกว้างและเชิงลึกระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน) ได้ตั้งเป้าหมายขยายการค้าระหว่างไทยกับจีนให้ถึง 5 หมื่นล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปีหน้า ฉะนั้น การค้าโดยการให้มีเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศไทยกับประเทศรอบอ่าวเป่ยปู้จึงถือเป็นโครงการที่กำลังคืบหน้า"
|