เติ้ง เสี่ยว ผิง เป็นทั้งนักปฏิวัติ นักการเมือง นักการทหารและนักการทูต เป็นผู้ที่มีคุณูปการต่อ สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นผู้นำจีนคนสำคัญถัดจากอดีตประธานเหมา เจ๋อ ตุง และอดีตนายกรัฐมนตรีโจว เอิน ไหล เติ้ง เสี่ยว ผิงได้นำประชาชนจีนพ้นจากภัยพิบัติร้ายแรงที่เกิดขึ้นจาก"การปฏิวัติทางวัฒนธรรม"ที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลายาวนานถึง 10 ปีอย่างรวดเร็ว และ เดินเข้าสู่หนทางแห่งการพัฒนาสังคมนิยมให้เป็นแบบทันสมัยอย่างคงเส้นคงวา เขาได้ริเริ่มและชี้แนะการปฏิรูปและการเปิดสู่ภายนอกของจีน รวมถึงนำพาประเทศจีนเข้าสู่ยุคสมัยใหม่
เมื่อค.ศ.1978และค.ศ.1985นั้น นิตยสาร"ไทมส์" ของสหรัฐอเมริกาได้เลือกเติ้ง เสี่ยว ผิงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลมากที่สุด ในกิจการระหว่างประเทศยุคปัจจุบัน
ประธานเหมา เจ๋อ ตุง เคยกล่าวชมเชยเติ้ง เสี่ยว ผิง ว่า เป็น"บุคคลากรที่หายาก" เติ้ง เสี่ยว ผิงเคยดำรงตำแหน่ง สำคัญๆในพรรคคอมมิวนิสต์จีน รัฐบาลกลางและกองทหารจีนเป็น ระยะเวลานาน ตั้งแต่ประธานคณะกรรมการการเมืองของกองทหารจีน ในสมัยสงคราม จนถึงรองประธานคณะกรรมการป้องกันประเทศ เสนาธิการใหญ่ รองประธานและประธานของคณะกรรมการการทหารส่วนกลางของจีนหลังจากจีนใหม่ได้สถาปนาขึ้นแล้ว
เติ้ง เสี่ยว ผิงชำนาญในกิจการระหว่างประเทศ เป็นนักการเมืองที่เล็ง การณ์ไกล เติ้ง เสี่ยว ผิงเป็นผู้มีบทบาทในการกำหนดนโยบาย การต่างประเทศของจีนที่มีสันติภาพ เป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง เติ้ง เสี่ยว ผิงแทบไม่เคยกล่าวถึงประวัติอันรุ่งโรจน์ของตนเอง ตามรายงานของสื่อมวลชนต่างๆปรากฎว่า เติ้ง เสี่ยว ผิง ได้กล่าวถึงตัวเองเพียง2ครั้งเท่านั้น ครั้งแรกคือ ขณะตอบข้อซักถามของนักข่าวหญิงชาวอิตาลีที่มีชื่อเสียงที่ถามเติ้ง เสี่ยว ผิงว่า "จะประเมินตัวเองอย่างไร"นั้น เติ้ง เสี่ยว ผิงกล่าวว่า"ผมมีส่วนดีครึ่งหนึ่งก็พอใจแล้ว แต่มีจุดหนึ่งที่สามารถ กล่าวได้ก็คือ ผมไม่มีอะไรที่ละอายแก่ใจเลย" ครั้งที่สองคือ เมื่อเติ้ง เสี่ยว ผิงได้ทราบว่า สำนักพิมพ์เพอร์กามอน?PERGAMON?ของอังกฤษจะจัดพิมพ์หนังสือ"รวมสรรนิพนธ์เติ้ง เสี่ยว ผิง"เผยแพร่นั้น เติ้ง เสี่ยว ผิงได้เขียนในคำนำของหนังสือชุดนี้ว่า "ผมเป็นบุตรชายของประชาชนจีน ผมรัก ปิตุภูมิและประชาชนของผมอย่างลึกซึ้ง"
หลังจากที่แก๊ง 4 คนถูกล้มล้าง เติ้งเสี่ยวผิงก็กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้นำในรัฐบาลอีกครั้ง และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานพรรคคอมมิวนิสต์ เดือนมีนาคม 1978 ได้รับเลือกเป็นประธานสภาที่ปรึกษาทางการเมือง ได้เสนอให้มีการทบทวนนโยบายที่ผิดพลาดในอดีต และให้พรรคหันมามุ่งเน้นเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจเป็นหลัก
ในการประชุมคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในเดือนธันวาคม 1978 นับเป็นการเปิดศักราชใหม่ของประเทศ ทั้งในด้านการปฎิรูประบบเศรษฐกิจและการพัฒนาระบอบสังคมนิยมพิเศษหรือสังคมนิยมประชาธิปไตยแบบจำเพาะของจีน ภายใต้การนำของคณะกรรมการบริหารพรรครุ่นที่สอง ซึ่งมีเติ้งเสี่ยวผิงเป็นแกนนำ มีการใช้นโยบายสี่ทันสมัย ได้แก่ เกษตรกรรม อุตสาหกรรม เทคโนโลยีและการพัฒนาประเทศ ทํ าให้เศรษฐกิจมีแนวโน้มเป็นเสรีมากขึ้น โดยเปิดประเทศเพื่อรับความรู้และวิทยาการใหม่ ๆ ที่ทันสมัย เปิดประเทศให้มีการลงทุนจากต่างประเทศกำหนดเขตเศรษฐกิจพิเศษตามเมืองท่าในภาคใต้ เช่นที่มณฑลกว้างตุ้งและฟูเจี้ยน เพื่อดึงดูดเงินลงทุนจากชาวจีนโพ้นทะเลและชาวต่างชาติตะวันตกอื่น ๆ
ในการประชุมคณะกรรมการกลาง เดือนพฤศจิกายน ปี1989 เติ้งเสี่ยวผิง ได้ลาออกจากตำแหน่งประธานคณะกรรมการกลางการทหาร และได้ส่งมอบตำแหน่งผู้นำประเทศแก่เจียงเจ๋อหมิน ผู้นำประเทศรุ่นที่ 3 แม้จะพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ตาม แต่เติ้งเสี่ยวผิง ก็ยังคงทำงานเพื่อประเทศชาติอย่างต่อเนื่องโดยตลอด
เติ้ง เสี่ยวผิงถึงแก่อสัญกรรม วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 1997
---------------------------------------------------------------------
คำถาม- ใครคือผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้นำในการปฏิรูปและเปิดประเทศจีน ?
กรุณาส่งคำตอบทาง sms โดยพิมพ์ CI เว้นวรรค จตามด้วยข้อความ ส่งมาที่ 4554523
|