เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา จังหวัดซีสถานและบาลูเชสถาน(Sistan and Baluchestan Province)ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของอิหร่านเกิดเหตุระเบิดพลีชีพ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 35 คนซึ่งรวมถึงผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านหรือไออาร์จีซี 2 นาย และประชาชนทั่วไปได้รับบาดเจ็บอีกกว่า 28 คน ซึ่งนับเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่สุดในอิหร่านหลังจากเกิดสงครามอิรัก-อิหร่านเมื่อปี 1988 เป็นต้นมา

สำนักข่าวไออาร์เอ็นเอของทางการอิหร่านรายงานเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า เวลา 08.00 น. ของวันเดียวกันตามเวลาท้องถิ่น เมืองพีชิน(Pishin) จังหวัดซีสถานและบาลูเชสถานของอิหร่านที่อยู่ติดกับชายแดนปากีสถานมีการจัดประชุมผู้นําอาวุโสของชนเผ่าต่างๆ ผู้ก่อการร้ายผู้หนึ่งได้จุดชนวนระเบิดซ่อมไว้ในตัว ทําให้นายนัวราลี ชุชทารี(Nourali Shoushtari)รองผู้บัญชาการทหารบกของกองกําลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่าน และนายราจาบาลี โมฮัมหมัดซาเดห์(Rajabali Mohammadzadeh)ผู้บัญชาการกองกําลังพิทักษ์การปฏิวัติฯ ประจําจังหวัดซีสถานและบาลูเชสถาน ผู้บัญชาการระดับสูงอื่นๆ และผู้อาวุโสของชนเผ่าบางคนเสียชีวิตทันที

ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีที่จัดขึ้นในคืนเดียวกัน นายมาห์มุด อาห์มาดิเนจาด ประธานาธิบดีอิหร่าน เรียกร้องให้สืบสวนหาตัวการของเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ และจับกุมมาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็ว เขายังเรียกร้องให้รัฐบาลปากีสถานร่วมมือในการจับกุมผู้ก่อการร้ายดังกล่าวนี้ด้วย เขากล่าวว่า "เราทราบว่าตํารวจบางคนของปากีสถานได้ร่วมมือกับกลุ่มก่อการร้ายครั้งนี้ ฉะนั้นอิหร่านจึงมีสิทธิเสนอข้อเรียกร้องดังกล่าวนี้" ในที่ประชุมสภาอิหร่าน นายอาลี ลาริจานี (Ali Larijani) ประธานรัฐสภาอิหร่านได้ประณามเหตุการณ์โจมตีดังกล่าวนี้อย่างรุนแรง เขากล่าวว่า เป้าหมายของผู้ก่อการร้ายคือทําลายความมั่นคงทางสังคมและสกัดกั้นการพัฒนาทางเศรษฐกิจของจังหวัดซีสถานและบาลูเชสถาน

กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านประกาศแถลงการณ์ในวันเดียวกัน โดยกล่าวว่ามีอิทธิพลจากภายนอกที่มีความเกี่ยวพันกับสหรัฐฯ เชื่อมโยงกับการโจมตรีครั้งนี้ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติอิหร่านได้สัมภาษณ์ผู้สันทัดกรณีซึ่งกล่าวว่า รัฐบาลอังกฤษเข้าร่วมการโจมตีครั้งนี้โดยตรง จัดหาและสนับสนุนกลุ่มก่อการร้าย และให้อาวุธแก่พวกเขา นายโมฮัมมัด พาคพูร์ ผู้บัญชาการทหารบกของกองกําลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านกล่าวในงานแถลงข่าวบ่ายวันเดียวกันว่า กองกําลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามของอิหร่านจะตอบโต้กลุ่มอิทธิพลที่เป็นปฏิปักษ์อย่างเด็ดขาด

เมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐฯ กับอังกฤษออกคําแถลง ปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์โจมตีที่เกิดขึ้นในจังหวัดซีสถานและบาลูเชสถาน นายเอียน เคลลี (Ian Kelly) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์ในวันเดียวกันว่า สหรัฐฯ ประณามพฤติกรรมก่อการร้ายดังกล่าวนี้ และขอแสดงความเสียใจต่อผู้เคราะห์ร้าย เขากล่าวว่า รายงานที่เกี่ยวกับว่าสหรัฐฯ เข้าแทรกแซงเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ถูกต้อง กระทรวงการต่างประเทศอังกฤษก็ออกมาแถลงในลักษณะเดียวกัน โดยปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าเข้าร่วมการก่อการร้ายครั้งนี้

สถานีโทรทัศน์ข่าวอิหร่านรายงานว่า กลุ่มจุนดัลลาห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาุวุธต่อต้านรัฐบาลอิหร่านประกาศเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า เป็นผู้รับผิดชอบต่อเหตุการณ์โจมตีด้วยระเบิดพลีชีพที่เกิดขึ้นครั้งนี้