บ่ายวันที่ 23 ตุลาคมนี้ นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนเดินทางโดยเครื่องบินพิเศษออกจากกรุงปักกิ่ง ไปร่วมการประชุมผู้นำอาเซียน-จีน (10+1) ครั้งที่ 12 การประชุมผู้นำอาเซียน-จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ (10+3) ครั้งที่ 12 และการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออกครั้งที่ 4 ตามคำเชิญของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ซึ่งเป็นประธานหมุนเวียนของอาเซียน

เกี่ยวกับการนี้ นายหู เจิ้งเยว่ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศจีนกล่าวไว้เมื่อเร็วๆ นี้ว่า

"จีนให้ความสำคัญกับการประชุมฯ ครั้งนี้อย่างยิ่ง จะยึดหลักเสริมสร้างความมั่นใจ ขยายความร่วมมือให้หยั่งลึก แปรวิกฤตให้เป็นโอกาส และส่งเสริมการพัฒนา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับประเทศที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือเอเชียตะวันออกให้ลุ่มลึกและประเด็นระดับโลกและส่วนภูมิภาคที่สนใจด้วยกัน เพื่อผลักดันการประชุมฯ ให้ประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริงและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน"

มีรายงานว่า ในที่ประชุมฯ นายเวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีนจะกล่าวถึงมาตรการของจีนในการฝ่าวิกฤตการเงินโลกพร้อมผลสำเร็จที่ได้รับ ชี้แจงข้อคิดเห็นและข้อเสนอของจีนเกี่ยวกับการเพิ่มความร่วมมือเอเชียตะวันออกให้มากขึ้น รวมถึงความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน การเกษตร การเงิน และวัฒนธรรมภายใต้กรอบ 10+1 และ 10+3 นายเวิน เจียเป่ายังจะตอกย้ำว่า จีนสนับสนุนกระบวนการสร้างอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียว สนับสนุนความพยายามของอาเซียนในการลดความเหลื่อมล้ำภายในให้น้อยลง นายหู เจิ้งเยว่กล่าวว่า การเยือนเอเชียตะวันออกของนายเวิน เจียเป่าในครั้งนี้จะมีส่วนช่วยกระชับและส่งเสริมมิตรภาพฉันประเทศเพื่อนบ้านที่ดีระหว่างจีนกับประเทศรอบข้าง ขยายและเพิ่มความร่วมมมือในเอเชียตะวันออก ตลอดจนส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพและการพัฒนาร่วมกันในภูมิภาค

ความร่วมมือด้านการเงินเป็นส่วนประกอบสำคัญของความร่วมมือเอเชียตะวันออก นายเจิ้ง เสี่ยวซง อธิบดีกรมความความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงการคลังจีนกล่าวว่า

"จีนเป็นผู้สนับสนุนและผู้ผลักดันที่สำคัญสำหรับความร่วมมือด้านการเงินในเอเชียตะวันออก การเพิ่มขีดความสามารถโดยรวมของภูมิภาคในการต้านความเสี่ยงทางการเงิน และการสร้างตลาดการเงินของภูมิภาคที่มีระดับลึก ประสิทธิภาพสูง และมีชีวิตชีวาเต็มร้อย ยังคงเป็นภาระหน้าที่อันหนักหน่วงและมีหนทางอีกยาวไกล ประเทศต่างๆ ในเอเชียตะวันออกควรเพิ่มความร่วมมือด้านการเงินให้มากขึ้นต่อไป โดยพิจารณาจากสภาพความเป็นจริงของภูมิภาค ใช้ความพยายามอย่างไม่ลดละเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านเศรษฐกิจและการเงินในภูมิภาค"

ถึงแม้ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤตการเงินโลกก็ตาม แต่ยอดการค้าทวิภาคีจีน-อาเซียนใน 9 เดือนแรกปีนี้ยังคงมีเกือบ 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนยอดการลงทุนระหว่างสองฝ่ายมีกว่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ปัจจุบัน จีนกับอาเซียนเป็นคู่ค้าใหญ่อันดับ 4 ของกันและกัน เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนจะเสร็จสมบูรณ์ตามกำหนดในวันที่ 1 มกราคม 2010 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจของสองฝ่ายจะเป็นหนึ่งเดียวมากยิ่งขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน