ผู้สื่อข่าวซีอาร์ไอรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 15 และการประชุมสุดยอดระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่จัดขึ้นเป็นเวลา 3 วันที่อำเภอหัวหินประเทศไทยได้สิ้นสุดลงอย่างราบรื่น อาเซียนจะกระชับการประสานกันให้มากขึ้นภายใต้การสนับสนุนและความช่วยเหลือจากประเทศหุ้นส่วน เร่งรัดการสร้างภูมิภาคให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
แม้ว่าพิธีเปิดการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ได้เกิดกรณีผู้นำ 5 ประเทศไม่สามารถเข้าร่วมได้ แต่การประชุมสุดยอดระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาที่จัดขึ้นหลังการประชุมสุดยอดอาเซียนยังได้รับผลสำคัญ เมื่อบ่ายวันที่ 25 ตุลาคม จีน ซึ่งเป็นประเทศคู่เจรจาสำคัญของอาเซียน ได้ลงนามกับอาเซียนในเอกสารว่าด้วยความร่วมมือหลายฉบับ
นายเวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีนและผู้นำประเทศอาเซียนต่างๆที่เข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ ร่วมกันเป็นสักขีพยานในการลงนามในเอกสารว่าด้วยความร่วมมือ รวมทั้ง บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการเสริมสร้างความร่วมมือ ทางด้านมาตรฐานและกฏระเบียบทางเทคนิคและการตรวจสอบรับรองระหว่างจีนกับอาเซียน บันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับความร่วมมือด้านทรัพย์สินทางปัญญาระหว่างจีนกับอาเซียน บันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งศูนย์จีน-อาเซียน นายกรัฐมนตรีจีนและไทยยังได้ร่วมเป็นสักขีพยานร่างความตกลงเกี่ยวกับการจัดการด้านการเงินสำหรับงานก่อสร้างโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขง นอกจากนี้ จีนกับบรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ได้ร่วมกันลงนามในกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจในการพัฒนาภาคตะวันออกของจีน-อาเซียน ฝ่ายต่างๆยังร่วมกันออกแถลงการณ์ร่วมหัวหินว่าด้วยความมือเกี่ยวกับความมั่นคงของอาหารและการพัฒนาพลังงานชีวภาพ แถลงการณ์ชะอำ-หัวหินว่าด้วยการจัดการภัยพิบัติ เป็นต้น
หลายปีมานี้ กระบวนการสร้างอาเซียนให้เป็นหนึ่งเดียวกันประสบผลคืบหน้ามาโดยตลอด และจะสร้างประชาคมอาเซียนที่คล้ายๆสหภาพยุโรปในปี 2015 ในที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งนี้ ประเทศอาเซียนออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือด้านการศึกษา และจัดตั้งคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน สิ่งที่น่าสนใจคือ ประเทศอาเซียนจะใช้เงินทุนมหาศาลที่จีน ญี่ปุ่นและประเทศหุ้นส่วนเสนอให้นั้นเร่งสร้างระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานให้เชื่อมต่อกัน ภายในอาเซียนพร้อมทั้งเชื่อมต่อกับจีนและอินเดีย เพื่อสร้างช่องทางการค้าที่สะดวก นอกจากนี้ กองทุนกลางอาเซียนจะเริ่มต้นในปลายปีนี้ กลไกช่วยเหลือดังกล่าวจะให้ประเทศต่างๆรับมือกับวิกฤตการเงินโลกและการถดถอยของเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น
การเจรจาเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ได้เสร็จสิ้นบางส่วนแล้ว เขตการค้าเสรีจีน-อาเซียนจะสร้างเสร็จอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคมปี 2010 สินค้าจีนจะเข้าสู่ตลาดอาเซียนอย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น ทรัพยากรอาเซียนก็จะอำนวยต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของจีนในลักษณะการเอื้อประโยชน์แก่กัน
แหล่งข่าวแจ้งว่า ผู้นำประเทศอาเซียนต่างได้แสดงความปรารถนานี่จะกระชับความร่วมมือกับประเทศคู่เจรจาและเห็นว่า ประเทศในเอเชียตะวันออกควรกระชับความร่วมมือในรูปแบบที่เปิดเผย ยอมรับ และมีความต่อเนื่องกันมากยิ่งขึ้น ร่วมกันรับมือกับการท้าทายจากวิกฤตการเงินโลกและการท้าทายอื่นๆ
ผิง
|