นียภาพและเอกลักษณ์ของชนชาติต่างๆ ในยูนนาน ซึ่งเป็นมณฑลที่มีชนชาติต่างๆ มากที่สุดของจีน โดยมีทั้งหมด 52 ชนชาติ ชนชาติส่วนน้อยที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดคือ ชนชาติอี๋ (Yi) นอกจากนี้ ยูนนานยังได้ชื่อว่าเป็น "อาณาจักรสัตว์" "อาณาจักรพืช" และ "อาณาจักรโลหะนอกกลุ่มเหล็ก" มีทรัพยากรการท่องเที่ยวที่สมบูรณ์ยิ่ง อาทิ เมืองโบราณลี่เจียง (Li Jiang) แม่น้ำ 3 สายที่ไหลไปพร้อมด้วยกัน และป่าหิน ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกธรรมชาติของโลก

ที่กำลังเห็นอยู่นี้เป็นรถพาเหรด "ทิเบตสมานฉันท์"

แสดงผลงานใหม่ในการพัฒนาทิเบต หลังจากได้รับการปลดปล่อยด้วยสันติวิธีเมื่อปี 1951 เป็นต้นมา ชนชาติทิเบตกับทุกชนชาติของประเทศมีความเสอมภาคเท่าเทียมและมีความสามัคคีกัน การปฏิรูปประชาธิปไตยเมื่อปี 1957 ได้ยกเลิกระบบทาสกสิกรและระบบรวมศูนย์การเมืองกับศาสนาเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนการจัดตั้งเขตปกครองตนเองทิเบตเมื่อปี 1965 ได้กระจายอำนาจการบริหารกิจการของท้องถิ่นด้วยตนเองให้แก่ประชาชนทิเบต ช่วงหลายปีมานี้ การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทิเบตได้รับผลสำเร็จใหญ่หลวง ระดับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นเรื่อยๆ ประวัติศาสตร์และภาคการปฏิบัติพิสูจน์ให้เห็นว่า ชีวิตที่ดีงาม เกิดขึ้นได้ด้วยการต้องพิทักษ์เอกภาพแห่งชาติ ความสามัคคีระหว่างชนชาติ และเสถียรภาพทางสังคม

ที่กำลังเห็นอยู่นี้เป็นรถพาเหรด "เสน่ห์ใหม่ซานฉิน

(San Qin)" แสดงภาพลักษณ์ของภาคตะวันตกในชื่อ "ส่านซีมนุษยธรรม เอี๋ยนอาน (Yan An) สีเขียว ส่านซีสมัยใหม่" ส่านซีตั้งอยู่ใจกลางของประเทศจีน จรดเหนือกับใต้ เชื่อมตะวันออกกับตะวันตก ที่นี่เคยเป็นใจกลางหลายราชวงศ์ของจีน อีกทั้งเป็นสถานที่แห่งแรกที่นำประวัติศาสตร์และอารยธรรมของจีนไปสู่โลก "เส้นทางสายไหม" ที่ชื่อก้องโลกก็เริ่มต้นจากนครฉางอัน (Chang An) มณฑลส่านซี รูปปั้นทหารจิ๋นซีฮ่องเต้ ซึ่งได้ชื่อว่า "สิ่งมหัศจรรย์โลกรายที่ 8" ก็อยู่ที่ส่านซี

ส่านซียังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งการปฏิวัติของจีนในยุคปัจจุบัน ปี 1935 หลังลองมาร์ช หรือ "เดินทัพทางไกล" กองทัพแดงเดินทางสิ้นสุดที่เอี๋ยนอาน (Yan An) พรรคคอมมิวนิตส์จีนนำประชาชนดำเนินการต่อสู้มาเป็นเวลา 13 ปี จนได้รับชัยชนะจากสงครามต่อต้านญี่ปุ่นและสงครามการปลดปล่อย เวลานี้ ยุทธศาสตร์ "การพัฒนาภาคตะวันตก" ได้นำมาซึ่งโอกาสใหม่สำหรับการพัฒนาส่านซีอีกครั้ง