เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แคนาดาเปลี่ยนกระทรวงการค้าระหว่างประเทศ ให้เป็นกระทรวงการค้าระหว่างประเทศที่มีความหลากหลาย โดยมุ่งที่จะพัฒนาความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศจำนวนมาก และลดการพึ่งพาอาศัยสหรัฐฯ เป้าหมายการค้าที่มีความหลากหลายมีอยู่ประการหนึ่งก็คือ พัฒนาการตลาดของจีน
แต่ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดา(USMCA) ที่ได้บรรลุขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ นอกจากจะไม่ลดการพึ่งพาสหรัฐของแคนนาดา กลับทำให้แคนาดาสูญเสียเสรีภาพในการทำข้อตกลงการค้ากับประเทศอื่น ๆ อีกด้วย
ตามมาตรา 32 ของข้อตกลงระหว่างสหรัฐ เม็กซิโก และแคนาดาที่กำหนดไว้ว่า ประเทศใดประเทศหนึ่งที่ลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีกับ “ประเทศที่พัฒนาเศรษฐกิจไม่ใช่การตลาด” ประเทศอื่นที่ได้ลงนามในข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ เม็กซิโก และแคนาดามีสิทธิ์ถอนออกจากข้อตกลงดังกล่าวภายในเวลา 6 เดือน ด้วยเหตุนี้ จึงมีคนมองว่ามาตรานี้เจาะจงมาที่จีน
นายวิลเบอร์ รอส (Wilbur Ross) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า มาตรา 32 ดังกล่าวเป็นการวางยา สหรัฐฯ จะใช้มาตรานี้กับประเทศอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงญี่ปุ่น สหภาพยุโรป ตลอดจนอังกฤษหลังถอนออกจากสหภาพยุโรป สหรัฐฯ วางแผนที่จะสร้างระบบการค้า เพื่อโดดเดี่ยวจีน ลองพิจารณาจาก 3 ประการดังต่อไปนี้
หนึ่ง ข้อตกลงดังกล่าวไม่เสรี และไม่ยุติธรรม นับเป็นสนธิสัญญาที่ไม่เสมอภาคโดยให้สหรัฐฯ มีสิทธิพิเศษ และให้สหรัฐฯ มีความยิ่งใหญ่เหนือประเทศอื่น
สอง คู่ค้าอื่นของสหรัฐฯ จะยอมรับมาตรานี้หรือไม่ ก่อนอื่น สหรัฐกดดันให้ญี่ปุ่นใช้มาตรการต่าง ๆ โดยย้ายฐานการผลิตไปยังสหรัฐฯ เพื่อลดความได้เปรียบจากการค้ารถยนต์มูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะเดียวกัน เรียกร้องให้ญี่ปุ่นเปิดตลาดการเกษตร
สำหรับสหภาพยุโรป ซึ่งเป็นพลังสำคัญของประชาคมโลก หลังจากสหรัฐฯ ตกลงถอนออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่านแล้ว สหภาพยุโรปก็ร่วมมือกับรัสเซียกับจีน ก่อตั้ง “องค์กรเป้าหมายพิเศษ” เพื่อหลีกเลี่ยงการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ รักษาการค้าให้เป็นปกติระหว่างประชาคมโลกกับอิหร่าน คาดว่า สหภาพยุโรปไม่สามารถเสียสละอธิปไตยและเสรีภาพเพื่อยอมรับมาตรการที่ไม่เป็นธรรมของสหรัฐฯ
และสาม การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง จีนจะยกระดับการบริโภคของพลเมืองเพื่อส่งเสริมให้การเติบโตทางเศรษฐกิจมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น คาดว่า ตลาดการบริโภคของจีนในปีนี้จะมีขนาดเท่ากับ หรือมากกว่าสหรัฐฯ และอยู่อันดับแรกของโลก ขณะเดียวกัน จีนจะเป็นคู่ค้าอันดับแรกของจำนวนกว่า 120 ประเทศและภูมิภาคต่อไป
จีนส่งเสริมและปฏิบัติตามหลักการชัยชนะร่วมกัน ส่วนสหรัฐนิยมหลักการ “สหรัฐฯ มาก่อน” และ “zero-sum game” การพัฒนาของโลกควรปฏิบัติตามหลักการใด เป็นเรื่องที่เห็นได้ชัด ด้านความสัมพันธ์แบบทวิภาคี สหรัฐฯ ใช้ความเหนือกว่ากดดันประเทศอื่น แต่สหรัฐฯ ไม่มีทางกีดกันให้ประเทศต่าง ๆ ปฏิเสธการดำเนินการค้าและการต่างประเทศที่เป็นปกติ ถูกต้อง และยุติธรรมได้(Bo/Zhou)