รองนายกรัฐมนตรีหลิว เฮ่อ ไขประเด็นร้อนทางเศรษฐกิจและการเงิน

2018-10-20 14:18:38 | cri
Share with:

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมา ที่กรุงปักกิ่ง นายหลิว เฮ่อ กรรมการกรมการเมืองแห่งคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในประเทศจีนด้านตลาดหุ้น การพัฒนาธุรกิจภาคเอกชน สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินในปัจจุบัน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งเป็นประเด็นร้อนแรงที่ทั้งจีนและต่างประเทศต่างจับตาให้ความสนใจอยู่ โดยเปิดเผยเนื้อหาสำคัญ 3 ประการดังนี้

ประการแรก จีนกำลังกลายเป็นตลาดที่มีคุณค่ามากที่สุดด้านการลงทุน

นายหลิว เฮ่อ ระบุว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ตลาดหุ้นของจีนเกิดความผันผวนและตกต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางหลายประเทศ เศรษฐกิจของจีนกำลังยกเลิกโครงสร้างเก่าและสร้างโครงการใหม่ ตลอดจนการคาดหมายของตลาดส่งผลกระทบต่อนักลงทุน เป็นต้น อีกทั้งข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นของจีนเป็นพิเศษด้วย แต่กล่าวได้ว่าส่งผลกระทบทางจิตใจมากกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจริง

นายหลิว เฮ่อ ชี้ให้เห็นว่า จีนกำลังกลายเป็นตลาดที่มีคุณค่ามากที่สุดสำหรับการลงทุน การปรับปรุงและรักษาความสมดุลของอุปสงค์และอุปทานในตลาดหุ้นจะสร้างโอกาสการลงทุนและการพัฒนาด้วยดีในระยะยาว

นายหลิว เฮ่อ เน้นว่า รัฐบาลจีนให้ความสำคัญยิ่งต่อการพัฒนาด้วยดีของตลาดหุ้น ความต้องการของตลาดหุ้นของจีนในปัจจุบันคือ สร้างนวัตกรรมทางระบบและปฏิรูปนโยบาย ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการใหม่จำนวนหนึ่งเพื่อรักษาความมั่นคงของตลาดหุ้น ปฏิรูประบบขั้นพื้นฐาน ส่งเสริมให้ตลาดมีแหล่งเงินทุนระยะยาว ส่งเสริมการปฏิรูปวิสาหกิจของรัฐ พัฒนาธุรกิจภาคเอกชน และเปิดกว้างเป็นต้น

ประการที่สอง ความจำเป็น 4 ประการของการพัฒนาธุรกิจภาคเอกชน

นายหลิว เฮ่อ ชี้ว่า ต้องยืนหยัดพัฒนาเศรษฐกิจระบบกรรมสิทธิ์สาธารณะกับการส่งเสริม สนับสนุน และชี้นำการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ใช่ระบบสาธารณะทั้งสองด้านนี้อย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ สำหรับธุรกิจภาคเอกชน ต้องเน้นความจำเป็น 4 ประการดังนี้ คือ 1)จำต้องยืนหยัดระบบเศรษฐกิจขั้นพื้นฐาน 2)จำต้องให้ความสำคัญอย่างสูงต่อปัญหาความยากลำบากในปัจจุบันที่วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมกำลังเผชิญอยู่ 3)จำต้องศึกษาค้นคว้านโยบายและมาตรการสนับสนุนพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้ลงลึก และ4)จำต้องเสริมทักษะความสามารถของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตลอดจนเศรษฐกิจภาคเอกชน

คำพูดดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจภาคเอกชนของจีนมีส่วนเกื้อกูลในการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติอย่างยิ่ง โดยสร้างรายได้จากการจัดเก็บภาษีอากรเป็นสัดส่วนกว่า 50% มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)กว่า 60 % มูลค่าทางนวัตกรรมเทคโนโลยีกว่า 70% และสร้างตำแหน่งงานและการผุดวิสาหกิจใหม่เป็นสัดส่วนกว่า 90% ทางการจีนมีความคาดหวังอย่างสูงต่อธุรกิจภาคเอกชนในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจของชาติที่มีคุณภาพและการสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจที่ทันสมัย

ประการที่สาม เมื่อมองจากกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจของจีนมีอนาคตที่สดใสยิ่ง

นายหลิว เฮ่อ กล่าวเน้นว่า ปัจจุบัน จีนจำต้องจัดการความสัมพันธ์ระหว่างการเติบโตอย่างมั่นคง การปรับปรุงโครงสร้างเศรษฐกิจ และการป้องกันความเสี่ยงต่างๆให้ดี เร่งเดินหน้า 3 เรื่องสำคัญ ได้แก่ สนับสนุนการพัฒนาธุรกิจภาคเอกชน ปฏิรูปวิสาหกิจของรัฐเชิงลึก เสริมทักษะด้านการบริการของระบบการเงินที่มีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ต้องเร่งตอบสนองความต้องการ 4 ด้าน ได้แก่ ความต้องการของกลุ่มผู้ที่มีรายได้ปานกลาง ความต้องการของประชากรวัยชราภาพ ความต้องการปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีกับการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมการผลิตรอบใหม่ และความต้องการการพัฒนาแบบสีเขียว เร่งการสร้างสรรค์ระบบเศรษฐกิจที่ทันสมัย

ประการสุดท้าย นายหลิว เฮ่อ ระบุว่า ความยากลำบากและปัญหาต่าง ๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบันของจีนล้วนเป็นความยากลำบากและปัญหาที่ประสบระหว่างกระบวนการพัฒนา ขอให้ผู้คนทั้งหลายร่วมกันรอคอย วันพรุ่งนี้ของจีนย่อมจะดีงามยิ่งขึ้นแน่นอน(Yim/Zhou/Zhou)

  • เสียงข่าวประจำวัน (15-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (15-11-2567)

  • เสียงคุยกันวันละประเด็น (15-11-2567)

  • เสียงข่าวประจำวัน (14-11-2567)

  • สานสัมพันธ์ไทย-จีน (14-11-2567)

系统管理员