สำนักข่าวซินหวารายงานว่า เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน พูดคุยกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผ่านทางโทรศัพท์ตามการนัดหมาย สื่อต่างชาติส่วนใหญ่เห็นว่า การพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ระหว่างผู้นำจีน-สหรัฐฯครั้งนี้มีลักษณะสร้างสรรค์ และเป็นการบ่งชี้ว่า การเจรจาแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศได้ประสบความคืบหน้าแล้ว
นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียว่า การพูดคุยหารือระหว่างเขากับประธานาธิบดีสี จี้นผิงเป็นไปด้วยดียิ่ง ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและหารือในหลายๆ ประเด็น โดยมีปัญหาการค้าเป็นประเด็นหลัก นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้พูดคุยถึงปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลีด้วย เขายังกล่าวว่า ตนจะพูดคุยกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ในประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อไประหว่างเข้าร่วมการประชุมผู้นำกลุ่มจี 20 ที่ประเทศอาร์เจนตินา
ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า นับเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจีน-สหรัฐฯ มีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา การพูดคุยครั้งนี้มีลักษณะสร้างสรรค์ในปัญหาการค้าทวิภาคี และปัญหานิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี
หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล อ้างคำพูดของนายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาวมารายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายนว่า ความสัมพันธ์และการติดต่อระหว่างสหรัฐฯ-จีนในระดับประธานาธิบดีเริ่มรื้อฟื้นขึ้นแล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า การพูดคุยระหว่างผู้นำจีน-สหรัฐฯครั้งนี้ ทำให้ผู้คนทั้งหลายเกิดความหวังมากขึ้น ในการลดความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ซึ่งนักลงทุนทั่วโลกต่างอยากเห็นจีน-สหรัฐฯใช้มาตรการที่เป็นรูปธรรมในการแก้ไขข้อพิพาททางการค้า
เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทมส์ของอังกฤษรายงานเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนว่า ท่าทีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯที่มีต่อการพูดคุยระหว่างผู้นำสองประเทศครั้งนี้ ทำให้ความกังวลของผู้คนทั้งหลายในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ที่อาจได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯนั้นผ่อนคลายลง
(YIM/cai)