เมื่อปีที่แล้ว ผู้นำ 10 ประเทศอาเซียน จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดียได้จัดการประชุมผู้นำความตกลงพันธมิตรทางการค้าระดับภูมิภาค(RCEP) เป็นครั้งแรกที่กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ พร้อมออกแถลงการณ์ร่วม หนึ่งปีให้หลัง ผู้นำของ 16 ประเทศดังกล่าวเปิดประชุมครั้งที่ 2 ที่สิงคโปร์อีก และได้บรรลุความเห็นอย่างเป็นเอกฉันท์ว่า การเจรจาว่าด้วย RCEP ได้รับผลคืบหน้าอย่างแท้จริง และได้เข้าสู่ช่วงปิดท้ายแล้ว ฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่างมุ่งที่จะเสร็จสิ้นการเจรจาให้ได้ภายในปี 2019 ซึ่งหมายความว่า ข้อตกลงการค้าเสรีที่มีประเทศสมาชิกจำนวนมากที่สุดในโลก จะประจักษ์เป็นจริงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในปีหน้า
ในที่ประชุมผู้นำ RCEP ของปีนี้ นายหลี่ เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีจีนระบุว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ด้วยการชี้นำของอาเซียนและการผลักดันของสิงคโปร์ประธานอาเซียนประจำปี 2018 การเจรจา RCEP ได้รับผลคืบหน้าอย่างแท้จริง กระบวนการเจรจาได้คืบหน้าจาก 50 % เป็นถึงเกือบ 80% แล้ว
ย้อนไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2012 ในที่ประชุมผู้นำอาเซียนครั้งที่ 21 ผู้นำของประเทศต่างๆได้ร่วมลงนามกรอบความตกลง RCEP ถือเป็นการเริ่มต้นของการเจรจา RCEP
อันที่จริง ประเทศสมาชิก RCEP มีความไม่สมดุลกันทั้งด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจและระดับการเปิดประเทศ เพราะมีทั้งญี่ปุ่นและออสเตรเลีย ซึ่งเป็นประเทศที่เศรษฐกิจพัฒนาแล้ว และก็ยังมีประเทศกำลังพัฒนาที่เศรษฐกิจยังคงล้าหลังอยู่ การให้ประเทศเหล่านี้บรรลุความเข้าใจร่วมกันได้ จึงต้องใช้เวลามากพอสมควร ต่อการนี้ นายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ระบุว่า ด้วยความพยายามเกือบเป็นเวลาหนึ่งปี การเจรจาเกี่ยวกับการอนุมัติเข้าถึงตลาดของประเทศสมาชิก RCEP ได้รับผลคืบหน้าอย่างเห็นได้ชัด ปัจจุบันได้เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว
การบรรลุซึ่งการเจรจา RCEP มีความหมายสำคัญยิ่ง
ประการแรก) RCEP จะมีส่วนเกื้อกูลต่อประชากรจำนวน 3,500 ล้านคนในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งหมดในโลก เมื่อได้บรรลุการเจรจา RCEP แล้ว จะก่อให้เกิดเขตการค้าเสรีที่มีพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สามารถสร้างมวลรวมการผลิตภายในประเทศในมูลค่า 225,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
สอง) RCEP เป็นความปรารถนาร่วมกันของประเทศกำลังพัฒนา ถือเป็นข้อตกลงการค้าเสรีฉบับแรกระหว่างจีน อินเดีย ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ บนพื้นฐานของกฎเกณฑ์องค์การการค้าโลก เป็นการยืนยันว่า ประเทศเอเชียมีบทบาทเป็นผู้นำในการค้าโลก
และสาม) RCEP จะแสดงให้เห็นถึงคุณูปการของความสามัคคีของเอเชียที่มีต่อเศรษฐกิจโลก หากประเทศเอเชียต่างสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ร่วมกันที่จะพิทักษ์และผลักดันพหุภาคีนิยมและการค้าเสรี ย่อมจะเป็นพลังขับเคลื่อนต่อการพัฒนาเศรษฐกิจโลกอีกด้วย อาจเป็นไปได้ว่าการเจรจา RCEP ไม่เพียงแต่จะสิ้นสุดลงในปี 2019 เท่านั้น หากยังจะมีผลบังคับใช้ในปี 2019 ด้วยก็เป็นได้
(Yim/Zhou/Zhou)