วันที่ 17 พฤศจิกายน นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนได้กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสุดยอดผู้นำอุตสาหกรรมและพาณิชยกรรมของความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก(เอเปก) โดยชูข้อเสนอต่อทิศทางที่ถูกต้องในการพัฒนาเศรษฐกิจโลก และแนวทางบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพให้แก่ประชาคมโลก ปธน.สี เน้นว่า ต้องยืนหยัดแนวทางที่เปิดกว้าง พัฒนา เชื่อมโยง นวัตกรรม และปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ คัดค้านลัทธิกีดกันทางการค้า และเอกภาคนิยมอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ปกป้องระบบการค้าพหุภาคีที่มีองค์การการค้าโลกเป็นหัวใจ ชี้นำให้เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์พัฒนาไปสู่ทิศทางที่เปิดกว้าง เชื่อมโยง เกื้อกูล สมดุล และได้รับชัยชนะร่วมกัน ขณะเดียวกัน นายสี จิ้นผิง ยังชี้ให้เห็นว่า พร้อมไปกับการพัฒนาก้าวหน้าของประเทศ จีนจะสร้างคุณูปการมากยิ่งขึ้นเพื่อความเจริญรุ่งเรืองร่วมกันของโลก
ปธน.สี ยังกล่าวว่า ปัจจุบัน เศรษฐกิจโลกาภิวัตน์เป็นกระแสมาแรง แต่ลัทธิกีดกันทางการค้าและเอกภาคนิยม ทำให้เศรษฐกิจโลกถูกเมฆดำปกคลุม การเลือกที่จะร่วมมือหรือเป็นปรปักษ์ เปิดกว้างหรือปิดกั้น จะวินวินไปด้วยกันหรือได้ผลรวมเป็นศูนย์ เกี่ยวพันกับชะตากรรมและอนาคตของมนุษยชาติ ทุกวันนี้ ประเทศต่างๆพึ่งพาอาศัยกันนับวันใกล้ชิดแนบแน่นยิ่งขึ้น อันดับแรก ต้องยืนหยัดทิศทางการเปิดกว้าง เพื่อบุกเบิกและขยายช่องทางการพัฒนา
ปธน.สี เน้นว่า ต้องยืนหยัดทิศทางการพัฒนา เพิ่มพูนความสุขของประชาชน ทำให้กระบวนการการพัฒนาอย่างต่อเนื่องปี 2030 กลายเป็นยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศตน ส่งเสริมให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมพัฒนาอย่างกลมกลืนกัน ผลักดันการพัฒนาตามสภาพจริงของประเทศตน พัฒนาความสัมพันธ์หุ้นส่วนที่เสมอภาคเท่าเทียมกันและสมดุลกันในขอบเขตทั่วโลก ประเทศพัฒนาแล้วควรปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาของตนในการส่งเสริมการพัฒนาและให้ความช่วยเหลือ ให้การสนับสนุนต่อประเทศกำลังพัฒนาให้มากยิ่งขึ้น
ปธน.สี กล่าวย้ำว่า ต้องยืนหยัดแนวทางนวัตกรรม บุกเบิกพัฒนาแหล่งเติบโตใหม่ ทุกประเทศต่างมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์จากการนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ผลงานนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีไม่ควรจะเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ของผู้คนจำนวนน้อย
ปธน. สี ยังระบุว่า สงครามโลกสองครั้งที่ผ่านมาได้ให้บทเรียนอันยับเยินแก่ประชาชนทั่วโลก จึงก่อตั้งโครงสร้างบริหารทั่วโลกที่มีสหประชาชาติเป็นใจกลาง รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ธนาคารโลก องค์การการค้าโลก และกลไกอื่นๆ เป็นต้น ถึงแม้ว่าโครงสร้างดังกล่าวยังไม่สมบูรณ์ แต่ถือเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญของสังคมมนุษยชาติ ซึ่งได้แสดงบทบาทสำคัญต่อสันติภาพและการพัฒนาของโลกในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา การที่ระบบจัดการบริหารเศรษฐกิจโลกจะมีความยุติธรรมและมีประสิทธิภาพ ก็ต้องพัฒนาให้ทันสมัยขึ้น
ปธน.สี กล่าวเน้นอีกครั้งว่า การร่วมกันสร้างข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางเป็นช่องทางความร่วมมือที่เปิดกว้าง ขอให้ปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานที่ร่วมปรึกษาหารือกัน ร่วมสร้างสรรค์ และร่วมแบ่งปัน ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางจะเป็นโอกาสร่วมกันทั้งของจีนและของโลก และเป็นหนทางที่มีอนาคตสดใสและกว้างไกลต่อการพัฒนาร่วมกัน
สุดท้าย ปธน. สี ประกาศว่า จีนจะจัดการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 เพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศภายใต้กรอบหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง ที่กรุงปักกิ่งในเดือนเมษายน ปี 2019 ขอเชิญมิตรสหายแวดวงอุตสาหกรรมและพาณิยชกรรมภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเข้าร่วมอย่างแข็งขัน อีกทั้งยินดีต้อนรับผู้คนทั้งหลายเข้าร่วมงานมหกรรมสินค้านำเข้านานาชาติ(CIIE)ครั้งที่ 2 ของจีนในปีหน้าด้วย
(Yim/Zhou/Zhou)