วันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน ที่กำลังเยือนฟิลิปปินส์เจรจากับประธานาธิบดีดูเตร์เตของฟิลิปปินส์ ร่วมกันวางแผนอนาคตแห่งความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และตกลงกันว่าจะสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ในทุกด้านระหว่างสองประเทศ
เมื่อปี 2005 จีนกับฟิลิปปินส์ได้สร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์เพื่อรักษาสันติภาพ และส่งเสริมการพัฒนา หลังจากนั้นเนื่องจากประเทศภายนอกภูมิภาคก่อการขัดแย้งในทะเลจีนใต้ โดยเฉพาะรัฐบาลสมัยที่แล้วยื่นคดีอนุญาโตตุลาการทะเลจีนใต้ ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเกิดการเปลี่ยนแปลง และการสร้างความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์เกิดภาวะหยุดชะงัก
เมื่อปี 2016 ประธานาธิบดีดูเตร์เต ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ปฏิบัติตามนโยบายการต่างประเทศที่มีความเป็นตัวของตัวเอง จีนกับฟิลิปปินส์จึงกลับสู่การเจรจาและปรึกษาหารือกันเพื่อแก้ไขปัญหาทะเลจีนใต้อย่างเหมาะสม หลังจากนั้น ประธานาธิบดีของสองประเทศได้พบปะกันถึง 6 ครั้ง ภายใต้การนำของผู้นำทั้งสองประเทศ ความสัมพันธ์จีน-ฟิลิปปินส์ได้เปิดหน้าใหม่ขึ้นอีกครั้ง
ในด้านการสร้างสรรค์โครงสร้างพื้นฐานนั้น จีนสนับสนุนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจแห่งชาติ ของประธานาธิบดีดูเตร์เตที่ถือโครงการ “เมกะโปรเจค” เป็นหลัก ซึ่งโครงการนี้รวมถึงโครงการก่อสร้างพื้นฐาน 75 โครงการ เพื่อผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ
ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ได้รับการพัฒนาอย่างมาก จีนได้กลายเป็นหุ้นส่วนการค้าใหญ่อันดับ 1 ของตลาดการส่งออกแหล่งที่มาของการนำเข้าใหญ่ และประเทศแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวใหญ่อันดับที่ 2 ของฟิลิปปินส์ เมื่อปีที่แล้ว ยอดการค้าแบบทวิภาคีมากเกิน 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรก ฝ่ายจีนลงทุนในฟิลิปปินส์โดยตรงมากกว่า 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 67% เมื่อเทียบกับปี 2016 ในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ จีนได้ลงทุนในฟิลิปปินส์โดยตรงมากถึง 180 ล้าน
ที่น่าสนใจคือ วันเดียวกัน ผู้นำทั้งสองประเทศทั้งตกลงจะยกระดับความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสองประเทศ และร่วมกันเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามเอกสารความร่วมมือแบบทวิภาคีหลายฉบับ รวมถึง “บันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือส่งเสริมการสร้างสรรค์หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” “บันทึกช่วยจำเกี่ยวกับความร่วมมือการบุกเบิกพัฒนาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ” ซึ่งบันทึกช่วยจำเกี่ยวกับการร่วมกันบุกเบิกทรัพยากรน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในทะเลได้รับความสนใจเป็นพิเศษ เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ฟิลิปปินส์แสดงว่า เนื่องจากเมื่อปี 1986 สองประเทศก็มีข้อตกลงเกี่ยวกับการยุติข้อขัดแย้ง ร่วมกันบุกเบิกทะเลจีนใต้ โดยเชื่อว่า ภายใต้การนำของผู้นำสองประเทศ จีนกับฟิลิปปินส์จะมีความสามารถที่จะค้นหารูปแบบที่เหมาะสม ร่วมกันบุกเบิกทรัพยากรธรรมชาติ สร้างความสุขให้กับประชาชน
การเยือนฟิลิปปินส์ของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ในครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ส่งเสริมความเชื่อถือทางการเมือง กระชับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเท่านั้น หากยังเป็นแบบอย่างของความร่วมมือทางทะเลระหว่างจีนกับประเทศที่เกี่ยวข้องในอาเซียนอีกด้วย
Bo/LR/Zhou