ทุกวันนี้ เมื่อนึกย้อนไปกลับถึงภาพระหว่างทางสู่เบสแคมป์ของยอดเขาเอเวอเรสต์ ฉากต่าง ๆ ที่ผุดขึ้นมาในหัว คือ ถนนอันคดเคี้ยววนไปวนมาอย่างไม่มีสิ้นสุด จากเมืองรื่อคาเจ๋อไปยังเบสแคมป์ ระยะทางประมาณ 350 กิโลเมตร แม้ขณะนี้ สภาพถนนจะดีขึ้นมาก แต่รถยนต์ยังคงต้องข้ามภูเขาหลายลูก ผ่านถนนอันคดเคี้ยวขึ้นลงเป็นเวลาหลายชั่วโมง เพื่อนร่วมทางต่างเกิดอาการเมารถบ้าง บวกกับความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 5,000 เมตร ตัวดิฉันเองก็เริ่มรู้สึกมีอาการปวดหัวบ้าง แต่เมื่อทอดสายตามองออกไปไกล ๆ เห็นภูเขาหิมะที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลกว่า 7,000 เมตรหลายลูกกำลังต้อนรับอยู่ ฉากหลังของภูเขาหิมะเหล่านี้ ยอดเขาเอเวอเรสต์ยังคงถูกปิดบังโฉมหน้าเอาไว้ไม่ให้มองเห็น ทำให้ดิฉันอดทนกัดฟันความยากลำบากในการเดินทาง ความยากลำบากที่ดิฉันผ่านมาได้ ถือเป็นการแสดงความตั้งใจของตัวเอง ขอเพียงแต่ยอดเขาเอเวอเรสต์ให้โอกาสเผยโฉมหน้าให้ได้ชมสักครั้ง ในที่สุด เวลา 1 ทุ่มกว่า ๆ พวกเราก็เดินทางถึงเบสแคมป์ในที่สุด

วินาทีที่ดิฉันลงจากตู้รถความรู้สึกแรกคือตื่นเต้นที่ในชีวิตนี้มีโอกาสได้อยู่ใกล้กับยอดเขาเอเวอเรสต์ขนาดนี้ และนี่อาจเป็นระยะใกล้ที่สุดของทั้งชีวิต ดิฉันตื่นเต้นกับความยิ่งใหญ่ ความสวยงาม ความศักดิ์สิทธิ์ และความอลังการของยอดเขาสูงที่สุดในโลกแห่งนี้ จนทำให้ดิฉันได้แต่จ้องมองเป็นเวลานาน โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำหนึ่ง

พวกเราพักค้างคืนในเต็นท์ขนาดใหญ่ทำด้วยขนจามรีเรียงรายต่อกันหลายสิบหลัง ซึ่งถูกจัดเตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยว แม้ในเวลากลางคืนจะได้ยินเสียงลมพัดแรงมากจากภายนอก แต่หลายคนใช้เวลานานทนหนาวข้างนอกเต็นท์เพื่อถ่ายภาพท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวและทางช้างเผือก คืนนั้น ดิฉันนอนไม่ค่อยหลับ อันที่จริง ร่างกายก็ไม่ได้รู้สึกมีอาการแพ้ที่ราบสูงเท่าไหร่  แต่นี่อาจเป็นเพราะตื่นเต้นมากเกินไปก็เป็นได้ วันรุ่งขึ้นดิฉันจึงตื่นเช้ามากเพื่อออกไปถ่ายภาพยอดเขาเอเวอเรสต์ท่ามกลางแสงแดดสีทอง อากาศยามเช้าหนาวมาก ไม่กี่นาทีก็รู้สึกว่าร่างกายแข็งไปหมด ชมทิวทัศน์ช่วงเช้าได้ไม่นานเมฆหมอกหนาก็เข้ามาปกคลุมบริเวณเบสแคมป์ เพื่อน ๆ ที่ตื่นสายหน่อยจึงพลาดโอกาสชมยอดเขาเอเวอเรสต์ไป

ไฮไลท์ของการเดินทางอีกจุดหนึ่ง คือ ภูเขาไกลาส  ยอดเขาไกรลาสมีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 6,600 เมตร เป็นเขาที่ปรากฏในปกรณัมของศาสนาฮินดู อันเป็นสถานที่ประทับของพระศิวะ เทพเจ้าสูงสุด (ตรีมูรติ) ของศาสนาฮินดู นอกจากนี้ยังเป็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อของศาสนาพุทธ เชนและบอน ตามความเชื่อของศาสนาต่าง ๆ เหล่านี้ เขาไกรลาสเป็นศูนย์กลางของจักรวาล นอกจากนี้ยังเชื่อว่า ภูเขาแห่งนี้คือแห่งเดียวกับ “เขาพระสุเมรุ” ตามความเชื่อเรื่องจักรวาลของศาสนาพุทธ ซึ่งชาวทิเบตเชื่อว่า หากเดินภาวนารอบเขาครบ 108 รอบ ถือเป็นการสักการะบูชาสูงที่สุดถึงขั้นนิพพาน การทางเดินภาวนารอบเขาไกลาสมีระยะทาง 52 กิโลเมตร ดิฉันใช้เวลา 2 วัน พักค้างคืนบนเขา 1 วัน วันแรกของการภาวนารอบเขา เริ่มเดินจากหมู่บ้านถ่าชินซึ่งที่ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาไกลาส ใช้เวลาประมาณ 6 – 7 ชั่วโมง เดินเป็นระยะทาง 20  กิโลเมตร เนื่องจากสภาพเส้นทางเดินในวันแรกเป็นทางราบ ไม่สูงชัน จึงสามารถเดินได้เร็ว วันนี้ดิฉันพักค้างคืนที่เกสต์เฮ้าส์ที่วัดจือเร่อซื่อ เช้าวันต่อมาดิฉันต้องตื่นแต่เช้า ยังไม่ถึงตี 5 ก็ต้องตื่นแล้ว เพราะวันนี้ต้องเดินรอบเขาเป็นระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร และต้องเดินไปจนถึงยอดเขาแห่งหนึ่งที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 5,640 เมตร เส้นทางเดินสูงชัน ขรุขระ เต็มไปด้วยหินขนาดใหญ่ ถึงแม้จะเหนื่อย อากาศหนาวจัด ลมแรง แต่ในที่สุด ดิฉันก็ได้ใช้เวลาทั้งสิ้น 14 ชั่วโมง เดินภาวนารอบเขาไกลาสได้สำเร็จ ประสบการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าอย่างมากสำหรับดิฉันเอง ที่ได้ทั้งฝึกร่างกายและจิตใจ เพื่อจะเป็นคนที่มีความมุ่งมั่น อดทน และรับผิดชอบมากยิ่งขึ้น

(Tim/Zi)