ข้อพิพาททางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐอเมริกาที่ยืดเยื้อมากว่า 8 เดือน เข้าสู่ช่วงสำคัญที่สุดในปลายปีนี้
โดยวันที่ 1 ธันวาคม นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน กับนายโดนัลด์ ทรัมพ์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ได้พบปะหารือกัน ระหว่างเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำจี 20 ณ กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา นับเป็นการพบครั้งแรกของผู้นำสองประเทศตั้งแต่ข้อพิพาททางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ทวีความรุนแรงตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ทั้งสองฝ่ายได้หารือปัญหาเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐ จนได้ฉันทามติว่าจะหยุดใช้มาตรการยกระดับภาษีศุลกากรให้สูงขึ้นและมาตรการกีดกันทางการค้าอื่นๆ ยกเลิกมาตรการปรับขึ้นภาษีศุลกากรที่เริ่มใช้ในปีนี้ เดินหน้าความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า ให้สองประเทศกลับสู่ความเป็นปกติ และมีชัยชนะร่วมกัน
ในช่วงที่ข้อพิพาททางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐอเมริกามีแนวโน้มจะทวีความรุนแรงมากขึ้น การที่ผู้นำทั้งสองประเทศได้ร่วมหารือเพื่อแก้ไขปัญหา สะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนทางหลักการของจีนในการคุ้มครองประโยชน์หลักของประเทศและประชาชนอย่างชัดเจน ตลอดจนหลักการในการเจรจาที่เคารพกัน เสมอภาคเท่าเทียมกัน และอำนวยประโยชน์แก่กัน ที่ยึดมั่นมาโดยตลอด
ตามฉันทามติผู้นำจีน-สหรัฐฉบับที่ทำขึ้นในครั้งนี้ จีนจะเพิ่มการนำเข้าภาคการเกษตร พลังงาน ผลิตภัณฑ์ และภาคบริการ ตามอุปสงค์ภายในประเทศ และความต้องการของประชาชน จากสหรัฐฯ และส่งเสริมเศรษฐกิจให้พัฒนาอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะมีส่วนช่วยให้การค้าทวิภาคีมีความสมดุลมากขึ้นกว่าเดิม
ตามฉันทามติผู้นำจีน-สหรัฐฉบับล่าสุดนี้ สหรัฐฯ จะแก้ไขสิ่งที่มีความสำคัญของจีนในเศรษฐกิจและการค้าอย่างจริงจัง เช่น จะฟื้นฟูการนำเข้าสินค้าประเภทเนื้อสัตว์ปีกที่พร้อมรับประทานจากจีน และคงการนำเข้าปลาดุกเวลส์จีน (Silurus asotus) เป็นต้น
ตามฉันทามติผู้นำจีน-สหรัฐ ทีมงานทางเศรษฐกิจและการค้าสองประเทศจะเริ่มการเจรจารอบใหม่โดยเร็วที่สุด โดยจีนจะเสนอแผนการแก้ไขที่มุ่งคุ้มครองประโยชน์ร่วมกันของสองประเทศและระเบียบการค้าโลก อย่างไรก็ตาม จีนรู้ว่า ข้อพิพาททางเศรษฐกิจและการค้าจีน-สหรัฐอเมริกามีความสลับซับซ้อน ไม่มีทางที่จะยุติได้ด้วยการเจรจาในเร็ววัน ดังนั้น จีนยังคงจะพร้อมรับมือกับความผันผวนที่อาจจะเกิดขึ้น และฝ่ามรสุมต่างๆ เพราะจีนเชื่อมั่นว่า ทุกปัญหาจะไม่สามารถสั่นคลอนเศรษฐกิจจีน
(BO/LING/CAI)
