สถานีวิทยุซีอาร์ไอ รายงานว่า วันที่ 15 เมษายน นายจิมมี คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เมื่อสองวันก่อน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โทรศัพท์ถึงเขาเป็นครั้งแรกเพื่อพูดคุยในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับจีน โดยนายทรัมป์ ได้แสดงความกังวลในเรื่องจีนจะล้ำหน้าสหรัฐฯ แต่นายจิมมี คาร์เตอร์ ตอบกลับไปว่า เขาไม่กังวลว่าวินาทีนั้นจะมาถึง พร้อมกับชี้ว่า สหรัฐฯ เป็นประเทศที่ชอบทำสงครามมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก แต่จีนกลับไม่เคยสิ้นเปลืองเงินแม้แต่สลึงเดียวในการทำสงคราม นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมจีนถึงได้นำหน้าสหรัฐฯ ไป
เมื่อเร็ว ๆ นี้ นักการเมืองสหรัฐฯ หลายคน เช่น นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เที่ยวพูดใส่ร้ายจีน แต่นายจิมมี คาร์เตอร์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้มีผลงานอันยิ่งใหญ่ในการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีน กลับพูดในสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นจริงและสมเหตุสมผล ทั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์อันกว้างไกลทางยุทธศาสตร์ และความรับผิดชอบอย่างสูงต่อผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ของนักการเมืองรุ่นอาวุโสท่านนี้ อีกทั้งเขายังแสดงให้เห็นว่า อดีตนักการเมืองและบุคคลที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลของสหรัฐฯ ยังคงมีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการจัดการความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ
การเปลี่ยนแปลงของความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในช่วงหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯ กดดันจีน แต่ไม่ประสบผลสำเร็จตามที่ได้คาดไว้ และยังพิสูจน์ให้เห็นถึงความถูกต้องของนายจิมมี คาร์เตอร์ ที่ย้ำหลายต่อหลายครั้งว่า จีนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความเจริญรุ่งเรืองของสหรัฐฯ นอกจากนี้ นาย จิมมี คาร์เตอร์ ยังเตือนว่า หากสหรัฐฯ ไม่สามารถจัดการความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนให้ดี ก็เป็นการสร้างความเสียหายแก่สองประเทศ ไม่เฉพาะจีน เท่านั้น หากยังจะเป็นความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ เองด้วย
แล้วต้องทำอย่างไรจึงสามารถทำให้สหรัฐฯ มีความยิ่งใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง นายจิมมี คาร์เตอร์ ได้เสนอข้อเสนอที่เปี่ยมไปด้วยสติปัญญาทางยุทธศาสตร์ว่า สหรัฐฯ อย่าใช้เงินจำนวนมากไปกับการทำสงครามที่ไม่จำเป็น อย่าหวังตลอดว่า จะยัดเยียดค่านิยมของตนเองให้แก่ประเทศอื่น หากสหรัฐฯ นำงบประมาณทหาร 3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไปลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างขั้นพื้นฐาน สหรัฐฯ ก็จะมีทางรถไฟความเร็วสูงใช้ สะพานและทางหลวงก็จะได้รับการดูแลซ่อมแซมเป็นอย่างดี ระบบการศึกษาก็จะเป็นเช่นเดียวกับเกาหลีใต้และเขตบริหารพิเศษฮ่องกงของจีน การแข่งขันของจีนและสหรัฐฯ เป็นเรื่องปกติมาก แต่ควรจะแข่งขันกันในทางบวก พลังการแข่งขันต้องเกิดจากการพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่อาศัยแต่วิธีการกดดันฝ่ายตรงกันข้าม
(tim/cai)