วันที่ 23 พ.ค. กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประกาศรายงานวิจัยหนึ่งฉบับระบุว่าค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลสหรัฐฯ เก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเกือบทั้งหมดสหรัฐฯ เป็นฝ่ายรับผิดชอบ
รายงานระบุว่ากรณีตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นจะส่งผลกระทบอันรุนแรงต่อกระบวนการทางตลาดการเงินและธุรกิจ สร้างความวุ่นวายให้กับห่วงโซ่อุปทานและอุปสงค์ทั่วโลก จึงเป็นอันตรายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รายงานคาดว่าหากการค้าทั้งหมดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ถูกเพิ่มการเก็บภาษี ในระยะสั้นจะทำให้ GDP ทั่วโลกลดลงประมาณ 0.3% ในจำนวนนี้ครึ่งหนึ่งเกิดจากผลกระทบของการขาดความเชื่อมั่นในธุรกิจและตลาด
รายงานการวิจัยฉบับนี้ร่วมเขียนขึ้นโดยกิทา โกพินาท (Gita Gopinath) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF และนักเศรษฐศาสตร์อีกสองท่าน รายงานนี้ผ่านข้อมูลจากสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ พบว่าหลังการเพิ่มอัตราภาษีต่อสินค้าจีน ราคาสินค้านำเข้าที่เพิ่มขึ้นสอดคล้องกับอัตราภาษีที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นค่าใช้จ่ายในการเก็บภาษีโดยพื้นฐานแล้วฝ่ายสหรัฐฯ เป็นผู้รับภาระ ในจำนวนนี้ค่าภาษีบางส่วนได้โอนถ่ายไปยังผู้บริโภคชาวอเมริกันแล้ว และส่วนที่เหลือผู้ประกอบการนำเข้าในสหรัฐฯ เป็นผู้ซึมซับไปจากอัตรากำไรที่ลดลง