หากสหรัฐฯต้องการยับยั้งการนำเข้าสินค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เช่น เหล็กและเหล็กกล้า อลูมิเนียม รถยนต์ อะไหล่รถยนต์ หรือสหรัฐฯต้องการลดการเดินทางเข้าไปในสหรัฐฯของนักเรียนและนักวิชาการจากต่างประเทศ สหรัฐฯมักจะหยิบยกคำว่า "ความมั่นคงแห่งชาติ" มาเป็น ข้ออ้าง
จากความเห็นที่เป็นเอกฉันท์ของประชาคมโลก คำว่า "ความมั่นคงแห่งชาติ" หมายความว่า อำนาจรัฐแห่งชาติ อธิปไตย ความเป็นเอกราชและบูรณภาพเหนือดินแดน ความผาสุกของประชาชน การพัฒนาสังคม เศรษฐกิจที่ยั่งยืน อีกทั้งประโยชน์สำคัญด้านอื่นๆ ของประเทศชาติจะไม่ตกอยู่ในภาวะอันตรายหรือถูกคุกคามจากทั้งภายในและภายนอก จากคำอธิบายนี้เห็นได้ชัดว่า คอนเซปท์นี้มีเนื้อหาและขอบเขตที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน แต่ทุกวันนี้ คอนเซปท์ดังกล่าวถูกสหรัฐฯ ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกนำไปใช้ในทางที่ผิด กลายเป็นเครื่องมือของสหรัฐฯในการดำเนินนโยบายกีดกันทางการค้า และนโยบายเพื่อครองความเป็นใหญ่
จากข้อมูลสถิติ ระหว่างทศวรรษ 1980 จนถึงต้นศตวรรษที่ 21 สหรัฐฯได้ดำเนินการสอบสวนตามมาตรา 232 รวม14 ครั้ง สุดท้าย ได้ใช้มาตรการลงโทษหุ้นส่วนทางการค้าสองครั้ง สรุปได้ว่า ในสมัยก่อน สหรัฐฯใช้มาตรการลงโทษหุ้นส่วนทางการค้า โดยอ้างสาเหตุจาก“ความมั่นคงแห่งชาติ”นั้นไม่บ่อยนัก แต่หลังปี 2017 ดูเหมือนว่า สหรัฐฯนับวันมีความกังวลเรื่องความมั่นคงมากขึ้น โดยมองว่า การนำเข้าเหล็กและเหล็กกล้า รถยนต์ อะไหล่รถยนต์ รวมทั้งการลงทุน บุคลากร วิสาหกิจ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยจากต่างประเทศเป็นภัยคุกคาม “ความมั่นคงแห่งชาติ” หมด จึงได้ดำเนินการสอบสวนตามมาตรา 232 หลายต่อหลายครั้ง มิหนำซ้ำ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ยังได้ประกาศให้ประเทศอยู่ในภาวะฉุกเฉิน ทั้งนี้ทำให้ทั้งพันธมิตร และหุ้นส่วนการค้าของสหรัฐฯที่ได้รับผลกระทบเกิดคำถามขึ้นมาว่า ใครจะสามารถไปคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ ประเทศที่มีความเข้มแข็งอันดับหนึ่งในโลก ทั้งทางด้านการทหาร วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจ แล้วคำตอบก็คือ ไม่มีใครสามารถคุกคามถึงสหรัฐฯได้ ความมั่นคงของสหรัฐฯไม่ได้ถูกคุกคามจากใคร ข้อเท็จจริงคือ ผู้มีอำนาจหรืออิทธิพลของสหรัฐฯบางส่วนได้ใช้ “ความมั่นคงแห่งชาติ”เป็นข้ออ้าง เพื่อโจมตีหุ้นส่วนทางการค้า และดำเนินนโยบายให้สหรัฐฯเป็นที่หนึ่ง ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์โลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ได้ และไม่ยอมรับข้อเท็จจริงที่ตลาดเกิดใหม่ และประเทศกำลังพัฒนากำลังเจริญเติบโตขึ้น อีกทั้งยังมีความกังวลอย่างมากต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีของประเทศอื่น จึงได้ใช้ “ความมั่นคงแห่งชาติ” มาเป็นข้ออ้าง เพื่อยับยั้งการพัฒนาของประเทศอื่น
ต่อการนี้ ประชาคมโลกสามารถเห็นได้ชัดมาก โดยสหภาพยุโรปได้แสดงความเห็นเมื่อเร็วๆ นี้ว่า สิ่งที่เรียกว่า “ความมั่นคงแห่งชาติ”นั้นเป็นเพียงเครื่องมือของสหรัฐฯที่ใช้ในโจมตีหุ้นส่วนทางการค้าของสหรัฐฯเท่านั้น เมื่อปีที่แล้ว สมาคมเหล็กและเหล็กกล้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ(the American Institute for International Steel) ร่วมกับวิสาหกิจสองรายที่เป็นสมาชิกของสมาคมนี้ยื่นฟ้องศาลกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหรัฐฯ คดีรัฐบาลสหรัฐฯขึ้นภาษีเหล็กและเหล็กกล้าที่นำเข้าจากต่างประเทศโดยอ้างมาตรา 232 โดยเห็นว่า การกระทำเช่นนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญ ในกระบวนการต่อสู้คดี ผู้พิพากษาศาลเคยถามทีมทนายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯว่า มีสินค้าอะไรที่ไม่สามารถขึ้นภาษีโดยอ้าง “ความมั่นคงแห่งชาติ”หรือไม่ ประธานาธิบดีจะสามารถขึ้นภาษีสินค้าเนยถั่ว โดยอ้าง "ความมั่นคงแห่งชาติ"หรือไม่
การที่สหรัฐฯใช้คอนเซปท์ "ความมั่นคงแห่งชาติ"ในทางที่ผิดนั้นไม่เพียงแต่ได้สร้างความเสียหายให้แก่หุ้นส่วนการค้าเท่านั้น หากยังส่งผลกระทบถึงระเบียบและความน่าเชื่อถือในการดำเนินการค้าระหว่างประเทศ อีกทั้งยังจะสร้างความเสียหายให้กับตนเองด้วย
การที่สหรัฐฯใช้ "ความมั่นคงแห่งชาติ"เป็นเครื่องมือในการโจมตีหุ้นส่วนทางการค้าเป็นประจำนั้นอาจทำให้สหรัฐฯสูญเสียความสามารถในการพิจารณาถึงภัยคุกคามความมั่นคงแห่งชาติที่แท้จริง และนี่แหละ จึงเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯที่แท้จริง
(yim/cai)