วันที่ 9 สิงหาคม ตามเวลาท้องถิ่น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟ ออกรายงานฉบับหนึ่งโดยย้ำว่า การเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของจีนในปี 2018 ลดลง อัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ทั้งนี้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การที่สหรัฐฯ กล่าวหาจีนเป็นประเทศบิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยนนั้นไม่มีมูลความจริง
ในฐานะองค์กรวิชาชีพที่มีหน้าที่รักษาเสถียรภาพของระบบการเงินโลก ไอเอ็มเอฟ จะส่งคณะทำงานเดินทางไปปรึกษาหารือกับแต่ละประเทศสมาชิกเป็นประจำทุกปี เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2015 ไอเอ็มเอฟก็มีข้อสรุปออกมาว่า เงินหยวนไม่ได้ถูกประเมินค่าต่ำเกินไป เมื่อเร็วๆ นี้ ไอเอ็มเอฟย้ำอีกครั้งหลังสิ้นสุดการปรึกษาหารือกับจีนประจำปีนี้ว่า อัตราแลกเปลี่ยนของเงินหยวนสอดคล้องกับพื้นฐานทางเศรษฐกิจของจีน ค่าเงินหยวนอยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล
จากรายงานของ ไอเอ็มเอฟ ที่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆ นี้ อัตราส่วนการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีน ในปี 2018 ลดลงราว 1% มาอยู่ที่ 0.4% คาดการณ์ว่า อัตราส่วนในปี2019 จะอยู่ที่ 0.5% ข้อสรุปนี้สวนทางกับการกล่าวหาของสหรัฐฯว่า จีนเป็นประเทศผู้บิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อความได้เปรียบในการแข่งขันทางการค้าซึ่งไม่ยุติธรรม
วันเดียวกัน ผู้รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องจาก ไอเอ็มเอฟ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนผ่านทางโทรศัพท์ว่า จีนมีความคืบหน้าในการเสริมความยืดหยุ่นของอัตราแลกเปลี่ยน และ ไอเอ็มเอฟ สนับสนุนให้จีนเพิ่มความยืดหยุ่นของอัตราแลกเปลี่ยนต่อไป จุดยืนดังกล่าวของไอเอ็มเอฟ สอดคล้องกับแนวทางของกลไกอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวน และชื่นชมจีนที่ได้ทำการปฏิรูประบบอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อให้เข้าสู่กลไกการตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา จีนใช้กลไกอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความหลากหลาย โดยมีการกำกับดูแลบริหาร บนพื้นฐานการอุปทานและอุปสงค์ในตลาด และสอดคล้องกับตะกร้าสกุลเงินหลักอื่นๆ นอกจากนี้ จีนได้ลงลึกการปฏิรูปกลไกอัตราแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ทำให้อัตราแลกเปลี่ยนมีความยืดหยุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ
ในฐานะประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับ2 ของโลก และมีความรับผิดชอบ จีนยึดมั่นในคำมั่นสัญญาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยนที่ให้ไว้กับการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศ จี 20 ทุกครั้งมาโดยตลอด โดยยืนหยัดจะไม่ลดค่าเงินหยวนให้อ่อนลงเพื่อความได้เปรียบในการแข่งขัน จีนไม่เคยและจะไม่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนเป็นเครื่องมือในการรับมือกับความขัดแย้งทางการค้า
ช่วงเวลาที่ผ่านมา เงินหยวนอ่อนค่าลงในระดับหนึ่ง ซึ่งเป็นผลจากการอุปทานและอุปสงค์ในตลาด รู้กันโดยทั่วไปว่าการที่สหรัฐฯ สร้างความขัดแย้งทางการค้าทั่วโลกนั้นทำให้ความกังวลและความต้องการเลี่ยงความเสี่ยงในตลาดเพิ่มมากขึ้น ช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาระหว่างจีน-สหรัฐฯดำเนินการปรึกษาหารือทางการค้า สหรัฐฯ ไม่เคยรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับจีน ไม่มีความน่าเชื่อถือ โดยขู่ว่าจะยกระดับการขึ้นภาษีสินค้าจากจีนตลอด ซึ่งส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ของตลาด วารสาร The Economist ของอังกฤษเผยแพร่บทความเมื่อเร็วๆ นี้ว่า การที่เงินหยวนอ่อนค่าลงในช่วงที่ผ่านมานั้น เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติของตลาดจากการคาดการณ์ต่อนโยบายของสหรัฐฯที่จะขึ้นภาษีสินค้าจากจีน
หลังไอเอ็มเอฟ ออกรายงานฉบับดังกล่าว นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ หลายคนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า รายงานของ ไอเอ็มเอฟ ฉบับนี้ยืนยันว่าจีนไม่ได้บิดเบือนอัตราแลกเปลี่ยน การที่สหรัฐฯ ใช้ฐานะที่แข็งแกร่งในระบบการเงินโลก และระบบการค้าระหว่างประเทศในทางที่ผิด โดยกดดันจีนทั้งทางด้านการค้าและการเงินนั้น เป็นการกระทำที่ไม่มีความรับผิดชอบ สหรัฐฯต้องศึกษารายงานของไอเอ็มเอฟ ฉบับนี้ให้ละเอียด เพื่อจะได้พิจารณาอัตราการแลกเปลี่ยนเงินหยวนตามความเป็นจริง และมีเหตุมีผล
(bo/cai)