ในช่วง 70 ปี นับตั้งแต่การสถาปนาสาธารณะรัฐประชาชนจีน เศรษฐกิจจีนพัฒนาอย่างก้าวกระโดด หากมองจากสถิติ ระดับ GDP ในปี 2018 ของจีนเพิ่มขึ้น 174 เท่า จากเมื่อปี 1952 และมีเป็นสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 16 ของเศรษฐกิจโลกในปี 2018 ยอดมูลค่าการค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้นจาก 1,130 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 1950 เป็น 4.6 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งนับเป็นการเพิ่มขึ้นกว่า 4,000 เท่า หากมองในมุมโครงสร้าง การค้าต่างประเทศของจีนมีระดับคุณภาพสูงขึ้น เปลี่ยนจากการค้าข้าว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์พื้นฐานที่มีมูลค่าต่ำ เป็นการขายรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ไฮเทคที่มีมูลค่าเพิ่มสูง นอกจากนี้ โครงสร้างเศรษฐกิจจีน ยังเปลี่ยนจากการเกษตรเป็นหลักในช่วงต้นปี 1950 เป็นการเน้นการบริการเป็นหลัก ควบคู่ไปกับการพัฒนา 3 อุตสาหกรรมร่วมกันในปี 2018
บทวิเคราะห์ของไชน่ามีเดียกรุ๊ป ระบุว่า ในช่วง 70 ปีมานี้ จีนได้พัฒนาจากประเทศด้อยพัฒนาที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจต่ำ รวมไปถึงมีระดับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต่ำ กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรมใหญ่ที่สุด มีปริมาณการค้าสินค้ามากที่สุด มีปริมาณทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศมากที่สุด และเป็นประเทศที่มีต่างชาติมาลงทุนมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก ทั้งนี้ จีนผลักดันลัทธิพหุภาคี เสนอข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” และ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน” โดยใช้ปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม เพื่อร่วมสร้างคุณูปการต่อทั่วโลก ผลสำเร็จเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากความได้เปรียบเชิงโครงสร้าง ซึ่งเกิดจากการที่จีนยืนหยัดเดินบนหนทางที่สอดคล้องกับการพัฒนาของตนเองอย่างเด็ดเดี่ยวแน่วแน่
Tim/kt/cici