22.ต้องคัดเลือกผู้นำทีมงานก่อน แล้วจึงวางแผนโครงการ
วิสาหกิจหลายแห่งมีแนวคิดการพัฒนาว่า ต้องวางแผนโครงการก่อน แล้วค่อยหาหัวหน้าทีมงานที่เหมาะสม ส่วนเริ่นเจิ้งเฟยกลับมีความคิดตรงกันข้ามว่า ต้องคัดเลือกหัวหน้าทีมงานที่เหมาะสมก่อน แล้วค่อยวางแผนโครงการผลิตภัณฑ์ เพราะบุคลากรเป็นปัจจัยสำคัญที่สุด
23.ต่อสู้เพื่อความฝัน หากไม่ใช่เงินทอง
จนถึงทุกวันนี้ หัวเหวยยังคงยืนหยัดหลักการว่า ปฏิเสธที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งทุกวันนี้ การจดทะเบียนเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์เป็นความฝันสูงสุดของบริษัทหลายแห่ง แต่เหตุใดหัวเหวยจึงปฏิเสธเงินทุนที่จะเข้ามา? เพราะเริ่นเจิ้งเฟยเห็นว่า เงินทุนนั้นโดยเนื้อแท้แล้วต้องแสวงหากำไรมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ซึ่งจะส่งผลกระทบถึงการบรรลุความฝันของหัวเหวย ที่ต้องการต่อสู้เพื่อความฝัน ไม่ใช่เงินทอง
24.โฟกัสในกิจการใดกิจการหนึ่งเท่านั้น
วิสาหกิจหลายแห่งพยายามทำกิจการข้ามวงการ แต่หัวเหวยกลับยืนหยัดกิจการเดียวคือ “โทรคมนาคม” เริ่นเจิ้งเฟยกล่าวว่า หัวเหวยเหมือนเต่าตัวใหญ่ ช่วง 20 กว่าปีมานี้ หัวเหวยก็ยืนหยัดคลานตามทางเดียวเท่านั้น ไม่เคยสนใจธุรกิจอื่นที่เป็นกระแสร้อนต่างๆ ยืนหยัดหนทางเดียวเท่านั้น หัวเหวยจึงเติบโตมาจนถึงทุกวันนี้
25.แบ่งเงินให้ดีแล้ว เรื่องการบริหารก็จะไม่มีปัญหา
เหตุใดที่นักคณิตศาสตร์กว่า 700 คน นักฟิสิกส์กว่า 800 คน นักเคมีศาสตร์กว่า 120 คน ผู้เชี่ยวชาญความรู้เฉพาะด้าน 6,000-7,000 คน วิศวกรจากวงการต่างๆอีกกว่า 60,000 คนต่างมุมานะสู้งานอย่างหนักเพื่อหัวเหวย? นั่นเพราะเริ่นเจิ้งเฟยแบ่งหุ้นส่วน 98.99% ให้พวกเขา และเมิ่งหว่านโจว ลูกสาวของเริ่นเจิ้งเฟย และCFO ของหัวเหวยกล่าวว่า เมื่อก่อน หัวเหวยกำหนดเงินเดือนตามระดับปริญญา แต่ทุกวันนี้ เรากำหนดเงินเดือนตามคุณค่าของแต่ละคน ใครเก่งใครมีความสามารถมากเพียงใด เราก็จะให้เงินเดือนมากตามความสามารถ
26.ขอเพียงทุกคนทำหน้าที่ของตนให้ดี ก็จะรวมเป็นพลังสำคัญสร้างสรรค์ให้มาตุภูมิยิ่งใหญ่
เมื่อเผชิญความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ชาวบ้านทั่วไปสามารถทำอะไรได้? เริ่นเจิ้งเฟยมีความเห็นว่า ขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอ “ชั่วชีวิตหนึ่งของเรา ถ้าสามารถทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ก็ถือว่าไม่ง่ายแล้ว ประชาชนจีนกว่า 1,300 ล้านคน ถ้าทุกคนทำงานของตัวเองให้ดี เมื่อรวมตัวกันแล้วก็จะเป็นกำลังสำคัญสร้างสรรค์ให้มาตุภูมิยิ่งเจริญรุ่งเรืองยิ่งใหญ่สืบไป”
ข้อความข้างต้นเป็นคำกล่าวของเริ่น เจิ้งเฟย ระหว่างให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวจากสื่อต่างๆ ทั่วโลก สะท้อนถึงความใจกว้างและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของนักธุรกิจจีน ซึ่งเป็นสิ่งมีค่าสูงในสังคมยุคปัจจุบัน เพราะธุรกิจส่วนใหญ่มักจะมุ่งแสวงหาแต่ผลกำไร
บางคนเห็นว่า เมื่อนักธุรกิจพัฒนาสูงถึงระดับหนึ่งแล้ว ก็จะกลายเป็นนักการศึกษา ซึ่งสามารถทำหน้าที่พัฒนาบุคลากรได้ เริ่น เจิ้งเฟยก็ถือว่าเป็นนักธุรกิจเช่นนี้ หวังว่าคำกล่าวของเริ่น เจิ้งเฟยจะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านได้ไม่มากก็น้อย
(Yim/Cici)