วันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา 3 ดัชนีหลักของตลาดหลักทรัพย์ในสหรัฐฯ ปรับตัวดิ่งลง ขณะที่มาตรรักษาตลาดของรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่เป็นผลอย่างที่คาดไว้
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวลดลง 2,352 จุด หรือ ราว 10% ทำลายสถิติลดลงสูงสุดภายในวันเดียวของดัชนีดังกล่าว ตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 1987 ส่วนดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีแนสแด็ก ได้ปรับตัวลงราว 10% ทั้งคู่
วันที่ 12 มีนาคม หลังตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เปิดทำการซื้อขายได้ไม่นาน ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวลดลงกว่า 7% จึงมีการประกาศหยุดซื้อขายชั่วคราว ถือเป็นการประกาศหยุดการซื้อขาย ครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ และครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ FED รีบประกาศตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคม เป็นต้นมาว่า ได้ขยายปริมาณวงเงินทุนข้ามคืนเป็นกว่า 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และแผนจะซื้อหุ้นมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในวันที่ 13 มีนาคมก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถหยุดแนวโน้มการตกลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้
นอกจากตลาดหลักทรัพย์แล้ว ราคาทองคำและน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลง ส่วนอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ก็ปรับตัวลดลงด้วย ขณะที่ ราคาบิตคอยน์ได้ตกลงประมาณ 10%
ผลกระทบจากการดิ่งลงของดัชนีตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ทำให้ในวันที่ 12 มีนาคมที่ผ่านมา 8 ประเทศ ได้แก่ บราซิล แคนาดา ไทย ฟิลิปปินส์ ปากีสถาน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และเม็กซิโก ได้ประกาศหยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ชั่วคราว ส่วนดัชนีตลาดหลักทรัพย์ในยุโรปก็ทยอยปรับตัวลดลงอย่างหนักเช่นกัน
Dan/Tim