สรุปข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะการแพร่ระบาด อาการและอัตราแพร่ติดเชื้อต่อมนุษย์ของโควิด-19 เทียบกับโรคซาร์สที่เคยระบาดหนักเมื่อปี พ.ศ. 2546 ที่กรุงปักกิ่งและมณฑลกว่างตง และพื้นที่อื่นๆ ของจีน จนกระทั่งหลายประเทศในโลกใบนี้ ไม่ยากที่จะพบว่า มีจุดเหมือนหลายๆ จุด ไม่ว่าเวลาที่เริ่มการระบาด(ปลายปี) อาการ ช่องทางการแพร่ระบาด อัตราเสียชีวิต ความยากในการรักษา เป็นต้น ซึ่งทำให้ผู้คนเชื่อว่า เป็นโรคตระกูลเดียวกันแน่
แต่เนื่องจากมีพื้นแพร่ระบาดกว้างกว่าและจำนวนคนที่ได้รับผลกระทบมากกว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ครั้งนี้จึงได้รับการจับตาดูกันมากกว่าโรคซาร์สไม่รู้เท่าไหร่
แต่ประสบการณ์ตรงของชาวเมืองปักกิ่งที่โตพอแล้วต่างจำได้ถึงการระบาดของโรคซาร์สเมื่อ 17 ปีก่อนนั้น ก็จะบอกคนอื่นว่า ไม่ต้องกลัวมากจนขนาดไม่ออกไปไหนและก็ไม่ต้องถึงกับใส่ชุดกันฝน ใช้ยาฆ่าเชื้อหรือแอลกอฮอล์เช็คถูทุกตารางนิ้วทุกส่วนของร่างกายที่โผล่ไปข้างนอก หรือสิ่งของเครื่องใช้ในที่พัก เช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า จนสัตว์เลี้ยง และยิ่งไม่ต้องล้างมือทุกห้านาทีเลย
แค่ไม่ออกจากที่พักหากไม่จำเป็น เช่น ไปซื้ออาหาร ไปทำงาน ไปรับของจากไลน์แมน ฯลฯ เมื่อจำเป็นต้องออกไป ใส่หน้ากากอนามัยให้ดี แต่ไม่จำเป็นต้อง N95 อันนั้นสละให้คุณหมอและพยาบาลใส่ทำงานดีกว่า ไม่ควรจับหน้าจับตาตัวเอง กลับบ้านล้างมือดีๆ ทำความสะอาดเสื้อผ้า รองเท้าให้ละเอียด แค่นี้ก็พอแล้ว
ตอนเกิดวิกฤตโรคซาร์ส ปี 2546 นั้น ที่ทำงานจะห้ามพนักงานโดยสารขนส่งสาธารณะ เช่น รถเมล์ รถไฟใต้ดิน รถแท็กซี่ เป็นต้น แล้วจะให้พนักงานไปเข้างานยังไงล่ะ ที่ทำงานก็ใจดี หนึ่ง)คือจัดรถรับส่งพนักงานให้ แต่ยังไงมันก็มีข้อจำกัด หลายคนไม่ได้พักตามเส้นทางของรถรับส่งพนักงาน สอง) คือที่ทำงานจัดให้พนักงานที่มีรถส่วนตัวช่วยรับส่งเพื่อนร่วมงานที่พักตามเส้นทางเดินรถของเขา และทางที่ทำงานช่วยเบิกค่าน้ำมันบ้าง สาม) คือที่ทำงานให้เช่ารถเก๋งหลายคัน จัดให้พนักงานที่ขับรถเป็นแต่ไม่มีรถส่วนตัว (ในเวลานั้นคนจีนยังไม่ค่อยมีกำลังซื้อรถส่วนตัวได้เท่าไร) และแวะรับส่งเพื่อนร่วมงานที่มีที่พักในบริเวณใกล้เคียงกัน ซึ่งนำโอกาสให้หนุ่มสาวหลายคนได้รู้จักกันจนเป็นแฟนกันด้วย