วันที่ 16 มี.ค. นายหยาง เจี๋ยฉือ กรรมการกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ตามการนัดหมาย
นายหยาง เจี๋ยฉือ ประธานคณะกรรมการกิจการระหว่างประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนกล่าวว่า นักการเมืองสหรัฐฯ บางคนใส่ร้ายจีนและใช้ความพยายามทำลายชื่อเสียงของจีนมาโดยตลอด ทำให้ประชาชนจีนไม่พอใจยิ่ง จีนคัดค้านและประณามการเคลื่อนไหวดังกล่าวของสหรัฐฯ ฝ่ายสหรัฐฯต้องแก้ไขความผิด หยุดกล่าวหาจีนโดยไร้เหตุผล จีนเตือนสหรัฐฯอย่างชัดเจนว่า อุบายใดๆ ที่มุ่งใส่ร้ายจีนจะไม่ประสบความสำเร็จ การเคลื่อนไหวใดๆ ที่มุ่งทำลายประโยชน์ของจีนย่อมจะถูกจีนโต้ตอบกลับอย่างแน่นอน
วันที่ 17 มี.ค. โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องผู้นำสหรัฐฯเรียกชื่อโควิด-19 เป็นไวรัสจีนว่า นี่เป็นการทำลายชื่อเสียงของจีน จีนไม่พอใจยิ่งและคัดค้านอย่างเด็ดขาดต่อการนี้ โฆษกผู้นี้ยังกล่าวด้วยว่า องค์การอนามัยโลกและประชาคมโลกมีความเห็นชัดเจนว่า ห้ามนำชื่อไวรัสไปเกี่ยวพันกับชื่อประเทศหรือเขตแคว้นใดโดยเฉพาะ และคัดค้านการทำลายชื่อเสียงของประเทศอื่น ดังนั้น สหรัฐฯต้องทำเรื่องของตนเองให้ดีก่อน ในขณะเดียวกัน ยังต้องแสดงบทบาทเชิงสร้างสรรค์ในความร่วมมือระหว่างประเทศในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 และการรักษาความปลอดภัยด้านสาธารณสุขของโลก ตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เป็นต้นมา มีน้อยครั้งมากที่จีนจะเตือนสหรัฐฯอย่างชัดเจนเช่นนี้หลังถูกสหรัฐฯทำลายชื่อเสียง เรื่องนี้จึงถูกจับตาจากประชาคมโลกอย่างมาก
ความไม่พอใจของจีนในครั้งนี้เข้าใจได้ไม่ยาก ช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ประชาชนจีนได้เสียสละมหาศาล และได้สร้างแนวต้านการระบาดของโรคแนวแรกให้แก่โลก ยืดเวลาในการเตรียมรับมือกับการระบาดของโรคให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก จึงได้รับคำชื่นชมจากประชาคมโลกอย่างมาก แต่คนจำนวนหนึ่งในสหรัฐฯไม่ได้ใส่ใจเรื่องการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค กลับใช้การระบาดของโควิด-19 เป็นเครื่องมือในการโจมตีจิตสำนึกด้านค่านิยมของผู้อื่น ยุยงปลุกปั่นการเหยียดหยามทางเชื้อชาติ และโจมตีประเทศอื่นทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีเป้าหมายที่จะตราหน้าจีนว่า เป็นประเทศสร้างการระบาดของโรคครั้งนี้ การกระทำของสหรัฐฯดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทางลบร้ายแรงต่อการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรคครั้งนี้ ตลอดจนสันติภาพและการพัฒนาของโลก
นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ ได้เรียกโควิด-19 เป็นไวรัสอู่ฮั่นมาหลายครั้งแล้ว ล่าสุด ผู้นำสหรัฐฯได้ใช้คำว่า “ไวรัสจีน”ในโลกสังคมออนไลน์อย่างอุกอาจ ทำให้ทั่วโลกตกตะลึง การกระทำของนักการเมืองสหรัฐฯดังกล่าวได้ละเมิดหลักวิทยาศาสตร์ และเป็นการกระทำแบบไร้สติสัมปชัญญะ อีกทั้งยังได้ละเมิดหลักการในการตั้งชื่อไวรัสขององค์การอนามัยโลกที่ไม่ให้นำไวรัสไปเกี่ยวโยงกับชื่อประเทศหรือเขตแคว้นใดโดยเฉพาะ สาเหตุที่นักการเมืองสหรัฐฯบางคนพยายามโยนความผิดให้กับจีน ก็เป็นเพราะว่า พวกเขาไม่มีแผนรับมือ และตื่นกระหนกกับปัญหาที่เกิดขึ้น รวมทั้งจงใจจะทำให้ประเทศอื่นเสื่อมเสียชื่อเสียงด้วย
ชาวโลกได้สังเกตเห็นว่า สหรัฐฯมีรายงานผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายแรกตั้งแต่วันที่ 20 มกราคม แต่รอให้เวลาผ่านไปเกือบสองเดือน รัฐบาลสหรัฐฯจึงได้ประกาศให้ประเทศเข้าสู่ภาวะฉุกเฉิน นักการเมืองสหรัฐฯบางคนใช้แผนอุบายต่างๆ เพื่อโจมตีประเทศอื่น แต่พลาดโอกาสทองในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด
ช่วงนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงอย่างมากติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้ตลาดการเงินระหว่างประเทศเกิดความปั่นป่วน ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของโรคมีความรุนแรงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่มีความกังวลว่า รัฐบาลสหรัฐฯไม่ใช้ความพยายามในการป้องกันและควบคุมการระบาดของโรค ดังนั้น แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯได้ลดอัตราดอกเบี้ยไปอยู่ที่ 0-0.25% เพื่อกู้ตลาด แต่ตลาดไม่ตอบรับนโยบายดังกล่าว
เช้าวันที่ 17 มี.ค.ตามเวลาปักกิ่ง ตลาดหุ้นสหรัฐฯต้องใช้มาตรการพักการซื้อขายครั้งที่ 3 ภายในระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์ นี่แสดงให้เห็นว่า หากไม่สามารถป้องกันและควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ การใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากแค่ไหนก็จะไม่ได้ผล
ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องไม่ได้ใช้ความพยายามในการป้องกันและควบคุมโรคระบาด นอกจากนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯร่วงลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มถดถอย ท่ามกลางวิกฤต นักการเมืองสหรัฐฯบางคนจึงเลือกป่าวร้องสิ่งที่เรียกว่า “ไวรัสจีน” เพื่อเบี่ยงประเด็น และโยนความผิดให้แก่จีน แต่แผนอุบายของสหรัฐฯนี้ไม่สามารถโกหกประชาคมโลกได้
จีนเตือนนักการเมืองสหรัฐฯบางคนอีกครั้งว่า ต้องเข้าใจสถานการณ์ด้วยดี อย่าประเมินความมุ่งมั่นตั้งใจของจีนในการปกป้องชื่อเสียงและประโยชน์ของประเทศตนจนต่ำเกินไป สำหรับประเด็นเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 มาจากไหนนั้น สามารถได้คำตอบจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ นักการเมืองสหรัฐฯที่มุ่งทำลายชื่อเสียงจีนโดยไร้เหตุผล และจงใจจะโยนความผิดให้ผู้อื่นนั้นจะถูกพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่า พวกเขาโกหก พวกเขาไม่เพียงแต่ไม่สามารถโยนความผิดให้แก่ผู้อื่นเท่านั้น หากยังจะทำให้ตัวเขาเองมีคุณธรรมลดน้อยลงไปอีก เพราะได้กล่าวคำโกหกอีกครั้งหนึ่ง
(yim/cai)