ในขณะที่สถานการณ์การระบาดของโรคในสหรัฐฯ มีความรุนแรงเพิ่มขึ้น แต่สหรัฐมุ่งกล่าวหาข้อผิดพลาดของจีน เมื่อวันที่ 20 มีนาคม นายสกอตต์ จอห์น มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า ผู้ป่วยส่วนใหญ่มาจากสหรัฐฯ และในวันเดียวกัน ออสเตรเลียประกาศห้ามชาวต่างชาติเข้าประเทศ ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ สหรัฐฯ ไม่ได้ใช้มาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพ ในขณะที่ประเทศต่างๆ ถือโควิด-19 เป็นการคุกคามทางสาธารณสุข ผู้นำสหรัฐฯ เห็นว่าเป็นปัญหาการประชาสัมพันธ์ โดยวิธีแก้ไขหลักคือปฏิเสธปัญหา แต่เมื่อประชาชนเริ่มแสดงความไม่พอใจ ทำให้สหรัฐฯ ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในวันที่ 13 มีนาคม พร้อมให้คำมั่นสัญญาว่าจะใช้มาตรการต่างๆ แต่ไม่ได้ทำตามที่แถลง และขาดแคลนอุปกรณ์การรักษาพยาบาลอย่างหนัก
ปัจจุบัน ผู้ป่วยโควิด-19 ของสหรัฐฯ มีจำนวนมากกว่า 35,000 ราย เป็นอันดับสามของโลก แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังยืนยันว่าในหลายพื้นที่ไม่ค่อยรุนแรง นักวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบียคาดการณ์ว่า ถ้าไม่ใช้มาตรการที่จริงจัง อาจทำให้ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นในวันเดียวเกือบ 300,000 ราย
ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีคำสั่งห้ามผู้เดินทางจากยุโรป แต่ไม่ได้ห้ามผู้เดินทางออกนอกประเทศ ทำให้ประเทศที่เป็นจุดหมายของประชาชนอเมริกัน ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ นายซาดิก ข่าน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน เขียนบทความเผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนว่า เราควรประสานงานทางเศรษฐกิจทั่วโลกเพื่อรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ไวรัสนี้ไม่ใช่ไวรัสจีน และกระทบถึงทุกประเทศในโลก
Bo/Chu/Zi