องค์การอนามัยโลก ประกาศรายงานการระบาดจนถึงเวลา 10.00 น. วันที่ 2 เมษายน ตามเวลายุโรปกลางว่า ทั่วโลกมีผู้ป่วยโควิด–19 เพิ่มขึ้น 72,839 ราย ผู้ป่วยสะสมรวม 896,450 ราย ผู้เสียชีวิตรายใหม่ 4,924 ราย รวม 45,526 ราย ในยุโรปซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด พบผู้ป่วยจำนวน 503,006 ราย เสียชีวิต 33,604 ราย
วันที่ 2 เมษายน ตามเวลาท้องถิ่น สถาบันวิจัยโรเบิร์ตค็อค ซึ่งเป็นองค์กรป้องกันควบคุมโรคของเยอรมนี ประกาศผ่านเว็บไซต์ทางการว่า การใส่หน้ากากอนามัยสามารถลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสผ่านการสนทนา ไอ หรือ จาม ดังนั้น จึงเสนอว่า ถึงแม้เป็นผู้ไม่มีอาการ ก็ควรใส่หน้ากากอนามัยในพื้นที่สาธารณะ การสำรวจความเห็นของประชาชนแสดงให้เห็นว่า ชาวเยอรมัน 57% สนับสนุนรัฐบาลให้ออกคำสั่งบังคับใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่อีก 35% คัดค้านเรื่องดังกล่าว
วันที่ 2 เมษายนตามเวลาท้องถิ่น ในการประชุมแถลงข่าวประจำวันของทำเนียบนายกรัฐมนตรีอังกฤษ นายแมทท์ แฮนค็อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ปรากฎตัวเป็นครั้งแรกหลังมีอาการป่วยโควิด–19 และกักตัวอยู่ในที่พัก เขารับปากกับชาวอังกฤษว่า ภายในสิ้นเดือนเมษายน อังกฤษจะสามารถตรวจคัดกรองผู้ต้องสงสัยติดโควิด–19 ได้ประมาณ 100,000 รายต่อวัน พร้อมสร้างกลไกการตรวจคัดกรองที่สมบูรณ์แบบ
วันเดียวกัน นางอูร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า การช่วยชีวิตและดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนเป็นหน้าที่สำคัญอันดับแรกของสหภาพยุโรป ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปจะเสนอให้จัดตั้งกองทุนช่วยเหลือวงเงิน 1 แสน ล้านยูโร เพื่อชดเชยเงินเดือนของแรงงานและช่วยธุรกิจให้ประกอบกิจการต่อไป
(Tim/Lin/Zhou)